รักษาหลุมสิวเทคนิคขั้นสูง Real Scar Synergy

" การรักษารอยแผลเป็น'หลุมสิว' เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ทางการแพทย์ เป็นหนึ่งในการรักษาที่หมอมีความถนัดชำนาญ และชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ เนื่องจากหมอก็เป็นคนที่มีปัญหาหลุมสิวด้วยเหมือนกัน หมอจึงศึกษาและติดตามอัพเดทการรักษาหลุมสิวมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเรียนแพทย์ทั่วไป เรียนแพทย์ต่อยอดด้านผิวหนัง มาจนถึงปัจจุบัน 

โดยเทคนิคเฉพาะตัวที่หมอถนัดและเชี่ยวชาญและเชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่สุด จะเป็นกลุ่มการรักษาด้วยหัตถการเน้นมือแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Scar Revision) และใช้เลเซอร์เป็นเพียงส่วนเสริมเก็บรายละเอียดเท่านั้น เลเซอร์ที่หมอมั่นใจในผลลัพธ์ที่สุด เหมาะกับผิวเอเชียที่สุด เลเซอร์ที่หมอไว้วางใจเลือกใช้คือ MCL Dermablate Laser

เทคนิควิธีของหมอในการรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้นเป็นแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร อาศัยทักษะความสามารถ เก็บประสบการณ์และเรียนรู้มานาน จึงได้เทคนิคขั้นสูงในการทำหัตถการ การรักษาหลุมสิวเป็นงานฝีมือแพทย์ที่ต้องใช้ความชำนาญและความละเอียดเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และต้องเข้าใจเรื่องหลุมสิวอย่างถ่องแท้ รู้ว่าวิธีการรักษาหลุมสิวประเภทนี้ มีวิธีใดใช้รักษาได้บ้าง และนำมาปรับใช้กับคนไข้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
 
คลินิกหมอไม่มีเซลล์ ไม่ยัดเยียดขายคอร์สค่ะ คุยราคาไหนจบราคานั้น ชัดเจน ถูกต้อง สบายใจค่ะ
 

สารบัญหลุมสิว

Real Scar Synergy ( RSS ) คือ โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่คิดค้นขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งเน้นการรักษาโดยวิธีหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ที่ผสมผสานหลายวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐานสากล มีงานวิจัยรองรับ ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลกว่าช่วยแก้ไขหลุมสิวได้จริง รวมไว้ในโปรนแกรมเดียว แล้วฉีดตัวยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อเข้าไป เพื่อฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อของเราเอง อีกทั้งยังเสริมด้วยเทคนิคพิเศษ ที่คุณหมอศึกษาโดยตรงมาจากอาจารย์แพทย์ชาวเกาหลี คือการฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่ ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องพักหน้า ตามหลักการ 
  1. Specific Scar Revision คือการรักษาตามลักษณะของหลุมสิวที่เป็นแต่ละจุดโดยละเอียด โดยใช้วิธีการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละรอยหลุมสิว ไม่ใช่การรักษาเหมือนกันในทุกๆคนแบบ one size fit all เนื่องจากหลุมสิวมีหลายลักษณะ และพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน 
  2. Multimodality Approach หลักการสำคัญคือต้องใช้หลากหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ครอบคลุมปัญหาได้มากที่สุด เพราะบนใบหน้าเรามีหลุมสิวหลายแบบ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอจึงไม่ใช้แค่วิธีการรักษาเดียว รักษาหลุมสิวทุกแบบบนใบหน้า ดังนั้นการรักษาหลุมสิวจึงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือเครื่องเดียวแล้วรักษาเคสหลุมสิวแบบเดียวกันกับทุกคน

ผลลัพธ์ที่ได้ หลังทำเพียงครั้งเดียว

* ทุกรีวิวของคุณหมอได้รับการยินยอมจากคนไข้ให้นำมาเผยแพร่
* ทุกรีวิวเป็นคนไข้ทางคลินิก ภาพรีวิวไม่มีการ ตัดต่อ หรือ รีทัชใดๆ 
* *ผลจากการรักษาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

* เคสรีวิวจริง จากคนไข้จริง ได้รับอนุญาตจากคนไข้แล้วจึงนำมาให้ชมกันค่ะ  

* ทุกรีวิวเป็นคนไข้คุณหมอจริง ภาพรีวิวไม่มีการ ตัดต่อ หรือ รีทัชใดๆ มีเพียงปรับสี แสงให้ใกล้เคียงกันเท่านั้น
* ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

จุดเด่นที่เหนือกว่าวิธีอื่น

  • เป็นเทคนิคการรักษาวิธีมาตรฐานสากลแบบ Non-Energy Based Acne Scar Revision ผสมผสานกับวิธีการรักษาและตัวยาเดียวกันกับที่เกาหลี 
  • เป็นวิธีการแก้หลุมสิว ที่ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ (Skin Regeneration) ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยตัวเอง จึงให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
  • เห็นผลดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ไม่ต้องทำบ่อย 
  • ช่วยลดการอักเสบของผิว ผิวหนาแข็งแรงขึ้น ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอยตื้นๆ 
  • ไม่เป็นสะเก็ดตาราง ไม่ต้องพักหน้า ผิวไม่บาง

 


คุณหมอจะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของใบหน้าโดยรวม และปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นอย่างละเอียด ตามด้วยระบุประเภทหลุมสิวแต่ละจุด ทีละจุดบนใบหน้า ประเมินลักษณะผังผืด และประเมินสภาพพื้นฐานผิวของคนไข้ได้อย่างถี่ถ้วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นวางแผนการรักษาที่สำคัญมาก

  1. ปรึกษาวิเคราะห์ปัญหา วางแผนการรักษาร่วมกัน 20-30 นาที
  2. ก่อนทำจะแปะยาชา 45-60 นาที
  3. หัตถการหลักเทคนิคเฉพาะของ Dr. Ramita ประมาณ 40-60 นาที (หลายหัตถการร่วมกัน)
  4. หัตถการเสริมเทคนิคเกาหลี ฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ แล้วฉีดตัวยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อเข้าไป ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี 20-30 นาที
  5. ฉีดตัวยา กลุ่ม Skin Regeneration (ทุกตัวผ่าน อย.ไทย) ตัวยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละรายบุคคล 20-30 นาที
  6. ลงเซรั่ม Biorepair ช่วยฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน สูตรเฉพาะ Real Clinic  
  7. ใช้เวลาการทำหัตถการทั้งหมด รวมแปะยาชา 2-3 ชั่วโมง

*หัตถการหลักเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ที่ผสมผสานหลายวิธีการรักษาหลุมสิว ที่เป็นมาตรฐานสากล มีงานวิจัยรองรับ ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลกว่าช่วยแก้ไขปัญหาหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้จริง รวมไว้ในโปรแกรมเดียว (หัตถการที่จะใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล)

คุณหมอขอยกตัวอย่างหัตถการที่จะใช้(บางส่วน) มาอธิบายให้อ่านกันค่ะ

  • Surgical Subcision - ตัดเซาะผังผืดด้วยเข็มชนิดพิเศษเทคนิคเฉพาะตัว จึงสามารถตัดผังผืดได้อย่างทั่วถึงตรงจุดแบบ Multilevel โดยไม่มีรอยช้ำห้อเลือด แบบการตัดผังผืดด้วยเข็มคมเทคนิคเดิมๆ - Air dissector เป็นการใช้ก๊าซตัดพังผืดชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง และช่วยลดอาการบวมช้ำ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น Subcisionคืออะไรอ่านเพิ่มเติม
  • Microneeding Collagen Induction Therapy (CIT Dermafix) เป็นการรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยผลัดผิวชั้นบน และผลักตัวยาสำคัญให้เข้าถึงทั่วทุกบริเวณอย่างล้ำลึก 
  • Chemical Reconstruction คือการใช้สารเคมีทางการแพทย์มาช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาจากก้นหลุมแบบโดยเฉพาะทีละจุด โดย TCA CROSS/Paint Technique ด้วยความเข้มข้นและเทคนิคที่เหมาะสมตามแต่ผิวคนไข้แต่ละราย
  • ในบางเคส ฉีดสารเติมเต็ม Filler ที่เนื้อเยื่อที่ฝ่อยุบตัวอย่างรุนแรง จนการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองสร้างขึ้นมาไม่ทัน ต้องอาศัยการฉีด สารเติมเต็ม Filler เพื่อเข้าไปทดแทน และเป็นบัฟเฟอร์กันชนไม่ให้พังผืดที่ตัดไปแล้ว กลับมารวมตัวกันอีก
  • Skin Regenaratiom กลุ่มตัวยาสำคัญที่หมอจะเลือกใช้ : Polynucleotides,Exosome, Growth Factor, กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Peptides ซึ่งในแต่ละกลุ่มตัวยา ก็จะจำแนกตัวยาไปอีกหลายตัวเลยค่ะ ทั้งนี้การเลือกใช้ตัวยาไหนขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจแพทย์และปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล ซึ่งเป็นการรวบรวมตัวยาสำคัญหลายชนิด แบบ Combination Therapy ควบคู่กับการทำหัตถการแพทย์ เพื่อช่วยเรียกเนื้อหลุมสิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ให้มาเติมเต็มรอยยุบได้อย่างถาวร กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน สว่างใสฉ่ำวาวยิ่งขึ้น ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น
  • Punch Excision ผ่าตัดเย็บหลุมสิว
 

* หัตถการเสริมเทคนิคพิเศษเกาหลี คือการฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่ ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น

  • ฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง อ่านเพิ่มเติมคลิก  และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่
  • Skin Regeneration Agents* การฉีดสารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง มีหลายชนิดตามดุลยพินิจแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Polynucleotides PN, PDRN, Peptides, Exosome  
  • เทคนิคที่ได้รับการอบรมโดยตรงจากอาจารย์แพทย์ชื่อดังของเกาหลี 

รักษาอะไรได้บ้าง

  • รอยแผลเป็นหลุมสิว
  • รอยแผลเป็นอีสุกอีใส
  • รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ
  • ริ้วรอยต่างๆ หน้าผาก หว่างคิ้ว ตีนกา ร่องแก้มร่องน้ำหมาก

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่รักษามาหลายวิธีแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้น
  • ผู้ที่ทำเลเซอร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเห็นผล
  • ผู้ที่ไม่สามารถพักหน้าหลังทำเลเซอร์ได้
  • ผู้ที่ผิวบาง ระคายเคืองง่าย  มีข้อจำกัดในการทำเลเซอร์
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาในการดูแลรักษามาก แต่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ข้อจำกัดการรักษา

  • ไม่ได้ทำให้ผิวเรียบเนียนกริบ 100% เสมือนผิวที่ไม่เคยมีแผลเป็นหรือริ้วรอยมาก่อน
  • แม้ผังผืดจะถูกตัดให้แยกออกจากกัน แต่เนื่อเยื่อแผลเป็นยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกตัดออกไปนอกร่างกายเลย จึงมีโอกาสกลับมาจับตัวเป็นหลุมได้อีก โดยเฉพาะถ้ามีการเกิดสิวใหม่
  • หลุมสิวแบบจิกลึก ขอบคมชัด อาจเห็นผลไม่มากในครั้งแรก แต่คุณภาพผิวโดยรวมจะดูดีและแข็งแรงขึ้น
  • ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก มักยังมีอาการบวมจากการทำหัตถการ อาจทำให้หลุมดูตื้นขึ้นเกินเนื้อจริงได้


ข้อควรระวังหลังการรักษา

  • หลังทำจะมีรอยแดงจากเข็ม และตุ่มแดงเหมือนยุงกัด วันรุ่งขึ้นจะค่อยๆจางลง ไม่มีแผลตารางตกสะเก็ด
  • หลังทำหัตถการ 24 ชั่วโมง สามารถแกะผ่าก๊อซที่ปิดแผลไว้ได้ และสามารถล้างหน้า/แต่งหน้า/ทาแป้งได้ตามปกติ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 5 วัน
  • หลังการรักษา 2 วัน ควรงดการออกกำลังกาย อบซาวน่า แช่ออนเซน
  • ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการบวม ทำให้ดูตื้นขึ้นเกินเนื้อจริง
  • งดการโดนน้ำบริเวณที่ทำการรักษาจนกว่าจะแกะผ้าก็อซออก

รีวิวหัตการหลุมสิว By Dr.Ramita

* ทุกรีวิวของคุณหมอ ได้รับการอนุญาตจากคนไข้แล้วจึงนำมาให้ชมกันค่ะ
* ทุกรีวิวเป็นคนไข้คุณหมอจริง ภาพรีวิวไม่มีการ ตัดต่อ หรือ รีทัชใดๆ มีเพียงปรับสี แสงให้ใกล้เคียงกันเท่านั้น
* ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

  

 

image
image
image
image
image
image

 

Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากการรักษาหลุมสิวที่เกาหลีอย่างไร?
A : การรักษาหลุมสิวส่วนใหญ่
ที่เกาหลี มักจะเน้นไปที่การฉีดมากกว่าการทำเลเซอร์ โดยเทคนิคเฉพาะที่มีการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และกรดไฮยาลูโรนิคอนุภาคเล็กเข้าไปทำให้เกิดการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองนั้น มีข้อดีตรงที่เห็นผลชัดตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์   โดยคนไข้ส่วนใหญ่จะนิยมทำแค่เฉพาะบางจุดที่เด่นชัดจริงๆเท่านั้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างสูงมาก และวิธีนี้มีข้อจำกัดในการรักษาหลุมสิวแบบ deep icepick และ deep boxcar scar 

โปรแกรม Real Acne Scar Synergy ก็มีการรักษาด้วยเทคนิคเดียวกันกับที่เกาหลีนี้รวมอยู่ในหัตถการหลักด้วย แต่จะแตกต่างตรงตัวยาที่ฉีดเข้าไป (ของทางเกาหลี จะมีเฉพาะกรดไฮยาลูโรนิคอย่างเดียว หรือบางคลินิกจะเป็นสาร PDRN เท่านั้น) สูตรตัวยาแบบเฉพาะของหมอที่ฉีดเข้าไปแล้วทำให้เกิด Skin Regeneration ร่วมกับการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น เป็นการรวบรวมตัวยาที่มีงานวิจัยรับรองแล้วว่ากระตุ้นและเพิ่มคอลลาเจนใต้ผิวได้จริง ได้แก่ ไฮยาลูโรนิคแอซิด โพลีนิวคลิโอไทด์ เอกซ์โซโซม โกรทแฟคเตอร์และวิตามินสารอาหารผิวต่างๆ ที่ช่วยบำรุงผิว และปรับสูตรให้เหมาะกับสภาพผิวของคนไข้แต่ละคนมากที่สุดด้วย

อีกทั้งยังมีการทำหัตถการแพทย์มาตรฐานอื่นๆควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดพังผืด Surgical Subcision ด้วยเครื่องมือพิเศษเฉพาะแต่ละหลุม, Chemical Reconstruction TCA CROSS/PAINT/dot peel, Collagen Induction Therapy เพื่อให้ครอบคลุมปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นได้มากที่สุดค่ะ

 

Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากคอร์สเลเซอร์อย่างไร
A : Real Scar Synergy เป็นการดูแลรักษาหลุมสิวแบบองค์รวม โดยใช้หัตถการฝีมือแพทย์เป็นหลัก หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่ากลุ่มการรักษาแบบ Non-Energy Based Acne Scar Revision

  • ซึ่งจะใช้วิธีที่เฉพาะเหมาะสมกับหลุมสิวแต่ละประเภทหลากหลายหัตถการร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้หมออาจมีการใช้เลเซอร์เพื่อเก็บรายละเอียดพื้นผิวตามหลัง โดยเลเซอร์จะเป็นการรักษาเสริมเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมเท่านั้น (ขึ้นกับประเภทย่อยของหลุมสิวและความพึงพอใจส่วนตัวของคนไข้)
  • การรักษาด้วยกลุ่มเทคนิคนี้ จำเป็นต้องใช้ความละเอียดประณีต และทักษะฝีมือความชำนาญของแพทย์เป็นหลัก   จึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยเฉพาะในหลุมสิวชนิดรุนแรงที่มีพังผืดดึงรั้งเยอะ และเนื้อยุบเป็นบริเวณกว้างนั้น   การรักษาด้วยเลเซอร์เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถแก้ไขได้เลย จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีหัตถการเท่านั้น
  • ส่วนคอร์สเลเซอร์ที่มีกันทั่วไป โดยหลักการจะเป็นการรักษาโดยใช้พลังงานเลเซอร์เข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวในชั้นหนังแท้เป็นหลัก   ในทางการแพทย์จะเรียกกลุ่มการรักษานี้ว่า Energy Based Acne Scar Revision 
  • กลุ่มเลเซอร์ที่ใช้กันในปัจจุบันนี้ มีหลากหลายต้นกำเนิดพลังงาน หลากหลายเทคโนโลยี และหลากหลายแบรนด์มาก ไม่ว่าจะเป็น CO2 Full Ablative/Fractional, Erbium Full Ablative/Fractional, Fractional RF(Ematrix, Fractora, Infini, Genius), Picosecond laser (PicoDiscovery, Picosure, Picoway, Picoplus), Dual 1550/1927 nm (Frexel Re:store)
  • โดยหลักการแล้ว การใช้เลเซอร์ที่ได้มาตรฐานมีงานวิจัยรองรับ พลังงานจะเสถียรมากกว่า และเมื่อทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ สามารถปรับตั้งค่าเครื่องได้อย่างถูกต้องแม่นยำแล้ว จะสามารถทำให้หลุมสิวบางประเภทที่ไม่รุนแรงมากดีขึ้นได้
  • แต่ในหลุมสิวที่รุนแรงมีพังผืดดึงรั้งในชั้นลึกมากร่วมกับชั้นไขมันฝ่อยุบตัวด้วย   หากทำแค่เลเซอร์เพียงอย่างเดียวเป็นคอร์สต่อไปเรื่อยๆ จะไม่มีทางรักษาให้หลุมสิวนั้นให้ดีขึ้นอย่างแท้จริงได้เลย
  • อย่างไรก็ตามการทำเลเซอร์ก็ถือเป็นอีกวิธีรักษาที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ หากเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับประเภทหลุมสิว สภาพผิวของคนไข้ และทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญค่ะ


Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากการผ่าตัดเย็บหลุมสิวอย่างไร
A : การผ่าตัดเย็บหลุมสิวหรือที่เรียกว่า Punch excision เป็นหนึ่งในหัตถการแพทย์ของโปรแกรม Real Scar Synergy ด้วยค่ะ แต่หมอจะพิจารณาทำในเคสที่มีหลุมสิวประเภท Icepick scars แบบรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นมาแล้วเท่านั้น 

เนื่องจากการผ่าตัดเย็บหลุมสิวนี้ เป็นการเปลี่ยนรูปแบบของแผลจิกลึกขอบหนา ให้กลายเป็นแผลเป็นรูปแบบเส้นแทน   ซึ่งผู้ที่ได้รับการผ่าตัดเย็บหลุมสิวจะต้องดูแลรอยแผลอย่างเคร่งครัด ห้ามแผลโดนน้ำและต้องกลับมาตัดไหมที่ 5-7 วัน หลังจากนั้นต้องมีการทำเลเซอร์เพื่อลบรอยแผลใหม่ต่ออีกด้วย จึงเหมาะกับผู้ที่สามารถดูแลรักษาแผลหลังผ่าตัดได้อย่างเคร่งครัด และสามารถเข้ารับการดูแลต่อเนื่องหลังผ่าตัดได้จริงๆ 

ในกลุ่มของการรักษาหลุมสิวด้วยการผ่าตัดนี้ จะมีเทคนิคมาตรฐานอื่นๆอีก เช่น Punch grafting,Punch elevation ซึ่งในขณะนี้ จะยังไม่ได้มีการรักษาด้วยเทคนิคนี้ในโปรแกรมของทางคลินิกค่ะ


Q : หลักการของ Real Acne Scar Synergy คืออะไร
A :  - Specific Scar Revision หมอจะรักษาตามลักษณะของหลุมสิวที่เป็นแต่ละจุดโดยละเอียดโดยใช้วิธีการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละรอยหลุมสิว ไม่ใช่การรักษาเหมือนกันในทุกๆคนแบบ one size fit all เนื่องจากหลุมสิวมีหลายลักษณะ และพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน หลักการสำคัญคือต้องใช้หลากหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ครอบคลุมปัญหาได้มากที่สุด เพราะบนใบหน้าเรามีหลุมสิวหลายแบบ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอจึงไม่ใช้แค่วิธีการรักษาเดียว รักษาหลุมสิวทุกแบบบนใบหน้า ดังนั้นการรักษาหลุมสิวจึงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือเครื่องเดียวแล้วรักษาเคสหลุมสิวแบบเดียวกันกับทุกคน
- Holistic Scar Solution เป็นการทำหัตถการรักษาหลุมสิว เพื่อให้เกิด Skin Regeneration สร้างชั้นผิวขึ้นมาใหม่ด้วยผิวของเราเอง โดยรวบรวมทุกหัตถการการรักษาหลุมสิวทั้งแบบหลักและแบบทางเลือก Multimodality Approach ด้วยเทคนิคเฉพาะหลุม Specific Scar Revision ร่วมกับใช้ตัวยาสำคัญที่ช่วยเรียกเนื้อหลุมสิว

 

Q : ขั้นตอนการทำ เป็นอย่างไร ?
A : ขั้นตอนการทำ " ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแพทย์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล "
เนื่องจากแต่ละบุคคลมีพื้นฐานปัญหาผิวและข้อจำกัดไม่เหมือนกัน คุณหมอจะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของใบหน้าโดยรวม และปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นอย่างละเอียดก่อน ตามด้วยระบุประเภทหลุมสิวแต่ละจุดบนใบหน้าอย่างละเอียด ประเมินลักษณะผังผืด และประเมินสภาพพื้นฐานผิวของคนไข้ได้อย่างถี่ถ้วน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นวางแผนการรักษาที่สำคัญมาก   เมื่อประเมินลักษณะปัญหาหลุมสิวของคนไข้ได้อย่างละเอียดดีแล้ว จึงค่อยวางแผนเลือกใช้วิธีการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้เฉพาะบุคคล เพราะแต่ละคนมีข้อจำกัดไม่เหมือนกัน เช่น บางต้องใช้ใบหน้าทำงานตลอด พักหน้าไม่ได้ ตกสะเก็ดไม่ได้ หมอจึงต้องคอยปรับแต่งแผนการรักษาโดยตลอดให้เหมาะกับแต่ละคน

  • ปรึกษาวิเคราะห์ปัญหา วางแผนการรักษาร่วมกัน 30 นาที
  • ก่อนทำจะมีการแปะยาชา 45-60 นาที
  • ทำหัตถการแพทย์ประมาณ 60 นาที (หลายหัตถการร่วมกัน)
  • ฉีดตัวยากลุ่มฟื้นฟูผิว Skin Regeneration ตัวยาขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละรายบุคคล
  • ลงเซรั่ม Biorepair ช่วยฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน สูตรเฉพาะ Real Clinic (ให้กลับบ้านด้วย)

 

Q : หัตถการที่แพทย์ทำ ต่อ 1 เคสทำอะไรบ้าง
A : หมอจะใช้หลายๆหัตถการร่วมกัน ในการรักษาครั้งเดียวเลยค่ะ ด้วยปัญหาของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน หัตถการที่ใช้และตัวยาก็จะแตกต่างกันออกไป

โดยหัตถการหลักที่ทำให้ทุกเคส เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อตัวเอง ด้วยเทคนิคจากเกาหลี คือ การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปตัดพังผืดและสร้างโพรงอากาศ แล้วฉีดสารฟื้นฟูเนื้อหลุมสิว Skin Regeneration Agents เช่น กรดไฮยาลูโรนิคอนุภาคเล็ก โกรธแฟคเตอร์ โพลีนิวคลีโอไทด์ เข้าไป

หมอขอยกตัวอย่างหัตถการที่แพทย์จะเลือกใช้ให้ดูนะคะ ซึ่งแต่ละหัตถการก็มีหลายเครื่องมือ หลายตัวยาให้เลือกใช้แยกออกไปอีก  " ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแพทย์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล "

  • Surgical Subcision ตัดเซาะผังผืดด้วยเข็มชนิดพิเศษ เทคนิคเฉพาะตัว จึงสามารถตัดผังผืดได้อย่างทั่วถึงแบบ Multilevel โดยไม่มีรอยช้ำห้อเลือด แบบการตัดผังผืดด้วยเข็มคมเทคนิคเดิมๆ
  • Air Dissector เป็นการใช้ก๊าซตัดพังผืดชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง และช่วยลดอาการบวมช้ำ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
    การฉีดฟื้นฟูผิวหนังตัวเอง ด้วยการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่
  • Collagen Induction Therapy (CIT Dermafix) เป็นการรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยผลัดผิวชั้นบน และผลักตัวยาสำคัญให้เข้าถึงทั่วทุกบริเวณอย่างล้ำลึก 
  • Chemical Reconstruction คือการใช้สารเคมีทางการแพทย์มาช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาจากก้นหลุมแบบโดยเฉพาะทีละจุด โดย TCA CROSS/Paint/Dot peel Technique ด้วยความเข้มข้นและเทคนิคที่เหมาะสมตามแต่ผิวคนไข้แต่ละราย
  • Skin Regeneration Agents การฉีดสารที่ช่วยฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง มีหลายชนิดตามดุลยพินิจแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Polynucleotides, Peptides
  • การฉีดสารเติมเต็ม Filler เพื่อเข้าไปทดแทนเนื้อเยื่อที่ฝ่อยุบตัวอย่างรุนแรง จนการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองสร้างขึ้นมาไม่ทัน และเป็นบัฟเฟอร์กันชนไม่ให้พังผืดที่ตัดไปแล้ว กลับมารวมตัวกันอีก (เป็นตัวยาเพิ่มเติม แล้วแต่คนไข้แต่ละราย)
  • การฉีดสาร Collagen Biostimulator เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนอีลาสติน ในเคสที่ผิวขาดคอลลาเจนมาก หรือมีผิวไม่กระชับหย่อนคล้อยตามวัยร่วมด้วย (เป็นตัวยาเพิ่มเติม แล้วแต่คนไข้แต่ละราย)

 

Q : เห็นผลดีแค่ไหน ? ต้องรักษากี่ครั้ง ?
A : ก่อนอื่นจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลุมสิวคือแผลเป็นชนิดหนึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดที่จะทำให้หายเรียบเนียนกริบ เสมือนผิวปกติที่ไม่เคยมีแผลเป็นมาก่อนได้เลย 100%   ผลลัพธ์การรักษาด้วยโปรแกรมนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของหลุมสิวที่เป็น สภาพพื้นฐานผิว กรรมพันธุ์ อายุ และข้อจำกัดของคนไข้เอง   โดยทั่วไปในหลุมสิวแบบ Rolling scar ที่ปากแผลกว้าง ขอบไม่ชัดมีพังผืดเกาะไม่ลึกและไม่หนามาก ในบางรายหมออาจรักษาให้ดีขึ้นได้ถึง 60-70% ได้ในการทำหัตถการเพียงครั้งเดียว   แต่ในกรณีที่หลุมสิวรุนแรงกว่า เป็นลักษณะจิกลึก ขอบคมชัด มีพังผืดที่หนาและแข็งมากดึงรั้งกับไขมันกล้ามเนื้อชั้นลึกเยอะ อาจรักษาได้ยากขึ้น แบบนี้อาจต้องรักษามากกว่า 2-3 ครั้งเพื่อให้ผลที่ดีขึ้น 40-50%

 
Q : ราคาเท่าไร ?
A : เริ่มต้นที่ 39,900 บาท (ที่ไม่สามารถระบุราคาได้เลย เพราะแต่ละคนปัญหาหนักเบาไม่เท่ากันค่ะ แนะนำคนคนไข้ส่งรูปปัญหา เพื่อให้คุณหมอประเมินราคาเบื้องต้นก่อนเข้ามาค่ะ)

 

Q : ผลข้างเคียง ความปลอดภัย?
A : เป็นหัตถการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง อาจมีผลข้างเคียง บวม แดง ช้ำได้บ้าง ตามสภาพผิวของแต่ละบุคคลแต่ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหน้า ไม่มีสะเก็ดตาราง ไม่เบิร์นผิวค่ะ



Q : มี อย. ไทยไหม ?
A : ผลิตภัณฑ์ตัวยา รวมถึง เครื่องมือแพทย์ทุกตัวที่ใช้ในการทำหัตถการ มี อย. ไทย ทุกตัวค่ะ 

 

Q : ทำครั้งหนึ่งอยู่ได้นานแค่ไหน? ได้ผลถาวรไหม?
A : พื้นฐานของโปรแกรมการรักษานี้ จะทำให้เกิดการตัดพังผืดและมีการสร้างคอลลาเจนฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวขึ้นมาใหม่ หากมองแค่ในหลักการนี้ก็จะถือว่าเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร   ทำนองเดียวกันกับการทำเลเซอร์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมาเติมหลุมสิว นั่นเอง

แต่หากมองในแง่ของการมี Aging process เข้ามาเกี่ยวข้องตามธรรมชาติของมนุษย์ร่วมด้วยแล้ว   คอลลาเจนที่ผิวสร้างขึ้นเองนี้ จะมีการลดลงครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่(half-life) ในทุกๆประมาณ 15 ปี ร่วมกับการสูญเสียปริมาตรของโครงสร้างที่พยุงใบหน้า ทั้งชั้นเนื้อเยื่อไขมัน และชั้นกระดูกเมื่อเวลาผ่านไป หากมองในแง่นี้ด้วยก็ควรจะถือว่าเป็นผลลัพธ์แบบกึ่งถาวร    เพราะเมื่อทุกชั้นผิวหนังโดยรวมเกิดความเสื่อมสภาพลงตามวัย ผลลัพธ์ของการรักษาหลุมสิวจากคอลลาเจนที่เคยดีขึ้น ก็มักจะร่วงโรยตามวัยด้วยเช่นกัน

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมคนที่มีหลุมสิวมาอย่างยาวนาน แต่ไม่เคยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมเลย เมื่อมีอายุมากขึ้น หลุมสิวจึงเป็นมากขึ้นไปด้วย ทั้งๆที่ไม่ได้มีสิวใหม่เกิดขึ้นเลย แต่หลุมสิวที่มีอยู่กลับดูเป็นหนักขึ้น

นอกจากนี้ ในกรณีของหลุมสิวที่มีการยุบตัวฝ่อลงของเนื้อเยื่อชั้นไขมันร่วมด้วย ซึ่งจำเป็นต้องฉีดสารเติมเต็มเข้าไปแทนที่ เมื่อเวลาผ่านไปสารเติมเต็มนี้จะถูกสลายไปได้ตามกาลเวลา แต่ในขณะเดียวกันการ Subcisionตัดพังผืดนี้ ร่วมกับอีกคุณสมบัติของสารเติมเต็มที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ด้วยเช่นกัน จะไปกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างเส้นใยคอลลาเจนอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ถือเป็นผลที่ได้อย่างถาวร(หรือกึ่งถาวร หากพิจารณาAging processด้วย)

อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นกับยีนและระบบภูมิคุ้มกันที่เป็นตัวกำหนดการฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิว การหายของแผลในแต่ละบุคคลด้วยค่ะ

Methods & Techniques

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้น มีหลายวิธีด้วยกันโดยหมอจะขอแบ่งเป็นกลุ่มการรักษาเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้

1.กลุ่ม Resurfacing เรียกง่ายๆก็คือการกรอผิวให้เนียนขึ้นนั่นเองในกลุ่มนี้ก็ได้แก่

  • Dermabrasion/Microdermabrasion คือการใช้เครื่องมือกรอผิวหนังชั้นบนให้เรียบเนียนเสมอกันมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่มี Aluminum oxide หรือแกล็ดอัญมณี มากรอผิวชั้นบนและขัดออก เพื่อให้เกิดกระวนการ reepithelialisation

  • Chemical peeling คือการใช้สารเคมีมาผลัดผิวเก่าด้านบนออกไป และช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาแทน เช่น การใช้กรด Glycolic Acid, Jessner’s Solution, Pyruvic acid, Salicylic acid, TCA peeling, TCA CROSS(Chemical reconstruction of skin scar method) ในความเข้มข้นที่สูงกว่าที่ผสมในครีมเครื่องสำอางทั่วไปมาจี้ตามจุดหลุมสิวหรือทาให้ทั่วใบหน้าโดยต้องทำหลายครั้งและสม่ำเสมอ

  • Laser resurfacing ก็คือการใช้เลเซอร์ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะชนิดที่เรียกว่า Fractional Laser หรือที่เราเห็นหลังทำแล้วผิวหน้าเป็นสะเก็ดตารางๆ นั่นเอง ซึ่งในท้องตลาดก็มีชื่อเรียกต่าง ๆกันไป ขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดพลังงาน เช่น ถ้าเป็นคลื่นวิทยุ (RF, Radiofrequency) ก็เช่นเครื่อง E-matrix, Venus Viva, Fractora, Infini, Geneus, Vivance กลุ่มนี้มีผลพลอยได้เรื่องยกกระชับผิวได้ด้วย หรือถ้าเป็น erbium lasers ถ้าเป็นกลุ่ม Photothermolysis ก็เช่น Fraxel เป็นต้น โดยเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาหลุมสิวดีขึ้นมากที่สุดในกลุ่ม กลับเป็นชนิด Ablative laser คือเป็นเลเซอร์ลอกผิวที่มีความรุนแรงต่อผิวมาก เช่น Ablative Fractional CO2 10600 nm, Fractional 2940 nm Erbium:YAG แม้จะได้ผลที่ดีขึ้นมากถึง 50-80% แต่ต้องแลกมาด้วยผลข้างเคียงเป็นรอยแดงรอยดำที่หน้า(ซึ่งอาจทิ้งรอยดำนานเป็นเดือนๆ หรือเกิดฝ้าขึ้นมาแทน) และมักพบอาการบวม แดง รอยแผลถลอกหลังทำ ที่ต้องพักฟื้นหน้านาน รวมถึงการสมานผิวที่ต้องใช้เวลานานกว่ามาก จึงไม่ได้รับความนิยม และไม่เหมาะกับผิวคนเอเชีย

    และอีกเทคโนโลยีเลเซอร์ใหม่ล่าสุด Picosecond laser ที่ปล่อยพลังงานในช่วงที่สั้นและสูงมาก จึงทำลายเม็ดสีได้ดีมาก และมีการพัฒนาเลนส์พิเศษหัว Fractional ที่ทำให้เกิด LIOB(Laser-induceed optical breakdown) คือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นหนังแท้ และกรอผิวด้านบนให้เรียบเนียน ซึ่งข้อดีของเทคโลโลยีนี้คือ ไม่ค่อยทิ้งรอยดำ PIH แต่อย่างไรก็ตาม หลังทำเลเซอร์ทุกชนิดต้องคอยหลบแดดเช่นกัน

การรักษาเหล่านี้มีหลักการเดียวกันคือทำให้เกิดบาดแผลขึ้นที่ผิวหนังแล้วหวังผลให้ผิวหนังซ่อมแซมตัวเองสร้างคอลลาเจนเนื้อเยื่อใหม่ได้ผิวที่เรียบเนียนขึ้น ในคนไข้บางรายที่ทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้ง แต่ยังรู้สึกไม่เห็นผล อาจเกิดจากมีพังผืดยึดเกาะใต้ผิวมาก หรือบางครั้งเมื่ออายุผิวมากขึ้น คุณภาพผิวเราไม่ดีแล้ว การสร้างใหม่จึงไม่ดีด้วย ทำให้ผิวบางลง ยิ่งทำเลเซอร์บ่อย โดยไม่ได้ทำการฟื้นบำรุงผิวร่วมด้วย ผิวยิ่งบาง หน้ายิ่งแดงง่าย เห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆใต้ผิว แสบหน้า ผิวแพ้ง่าย และผิวหน้าดำคล้ำลงได้ง่าย แม้เวลาถูกแดดเพียงเล็กน้อยก็ตาม

2.กลุ่มการศัลยกรรมตัดพังผืด

  • Fibrous Scar Surgery และ Subcision คือใช้เข็มคมขนาดใหญ่ หรือ เข็มชนิดพิเศษที่มีปลายมีด มาตัดเลาะพังผืดใต้ผิว เป็นวิธีพื้นฐานที่มักทำควบคู่กับวิธีอื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วิธีนี้อาจมีรอยเขียวช้ำ ห้อเลือดตามมาได้ และหากทำโดยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องแล้วอาจทำให้เกิดพังผืดใหม่ที่มากขึ้นได้เช่นกัน ปัจจุบันจึงได้มีการศึกษาเทคนิคการตัดพังผืดด้วยเครื่องมืออื่นๆ เช่น เข็มปลายทู่ชนิดพิเศษ, การใช้ก๊าซCO2, การใช้พลังงานลม Air Dissector, คลื่นวิทยุRF มาประยุกต์ใช้ในการทำ Subcision แทนการใช้เข็มคมแบบดั้งเดิม เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็มคมหรือปลายมีด มีการศึกษาวิจัย พบว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้เช่นกัน

  • Punch Technique ได้แก่ Punch excision, Punch elevation, Punch grafting เป็นการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อตรงที่เป็นหลุมสิวออกไป แล้วเย็บปิดแผล หรือใช้เนื้อผิวบริเวณอื่นมาปลูกถ่ายลงบริเวณที่โดนตัดออก เป็นการเปลี่ยนชนิดแผลเป็นจากแบบหลุมเป็นแบบเส้น แล้วใช้ Laser resurfacing ช่วยลดรอยแผลใหม่อีกที วิธีนี้ดูเหมือนเป็นการรักษาที่ตัดต้นตอของหลุมสิวออกไปได้มากที่สุด แต่มีข้อจำกัดในด้านการดูแลรักษา การหายของแผล การติด/สมานแผลของผิวที่นำมาปลูกถ่าย และเสี่ยงเกิดรอยแผลเป็นชนิดใหม่ตามมาได้เช่นกัน จึงไม่ใช่วิธีแรกที่ถูกพิจารณาในการเลือกรักษา


3.กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็ม (Skin needling)
เช่น Dermaroller, Dermapen, Derma stamp, Dermafix, เลเซอร์ Microneedle กลุ่มนี้ใช้หลักการทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บด้วยเข็มขนาดเล็ก เพื่อให้ร่างกายเกิดกระบวนการรักษาบาดแผลขึ้นมา จึงมีการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาซ่อมแซมผิวด้วย ในกลุ่มนี้ต้องระวังการทำลูกกลิ้ง Dermaroller ที่ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าไม่ได้ช่วยให้หลุมสิวดีขึ้น แต่ยังทำให้เกิดบาดแผลที่ผิวชั้นบนมากยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มาก 

 


ประโยชน์ของ Microneedling?
กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็มขนาดเล็ก microneedling สามารถช่วยแก้ไขหลุมสิวได้ในระดับตื้นถึงปานกลางเท่านั้น ข้อดีคือสามารถช่วยผลัดผิวชั้นบน ใช้ร่วมกับการผลักดันตัวยาหรือ ได้ดี และไม่ค่อยมีผลข้างเคียงเรื่องรอยดำหลังทำเลเซอร์ ไม่ต้องพักฟื้นผิวหน้าหลังทำ  แต่อย่างไรก็ตามหากเทียบประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน(เทียบเฉพาะเครื่องมือ ไม่รวมตัวยาที่ใช้) การทำ Fractional Laser ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า


4.กลุ่มสารเติมเต็มและยกกระชับ

  • การฉีดไขมันเติมเต็ม (Autologous Fat Transfer) มีข้อดีตรงที่เป็นไขมันของคนไข้เอง ไม่เกิดปฏิกิริยาการแพ้ แต่ข้อเสียคือไม่สามารถคาดการณ์อัตราการติดของไขมันได้ หรือหากเติมมากเกินไปอาจกลายเป็นก้อนนูนไม่เรียบแทน จึงไม่เป็นที่นิยมในการใช้รักษาหลุมสิว
  • การใช้สารเติมเต็มหลุมสิว (Acne Scar Dermal Filler) วิธีนี้ได้รับความนิยมมากในระดับสากล เนื่องจากเห็นผลไว downtimeน้อย มักใช้เป็นcombinationร่วมกับวิธีอื่น เพื่อให้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน และให้ผลที่ยาวนาน ในปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมสารเติมเต็มขึ้นมาหลายชนิด ไม่เพียงเพื่อเติมเต็มเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีมากอีกด้วย โดยในส่วนของการแก้ปัญหาหลุมสิวนี้ จะต้องอาศัยสารที่มีคุณสมบัติเป็น Collagen Stimulating Filler เป็นหลัก ฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ PLLA (เช่น Sculptra ผ่าน อย.ไทยแล้ว) , Calcium hydroxyapatite (เช่น Radiesse), PMMA, Low molecular weight and High molecular weight HA, PCL แต่สารเติมเต็มหลายตัวในกลุ่มนี้ยังไม่ผ่านการรับรองจาก อย.ของไทย 
    • สารเติมเต็ม ที่มีใช้อย่างแพร่หลายและได้รับการรับรองจาก อย.ของไทย คือ ชนิด Hyaluronic acid หรือ HA Filler กลุ่มนี้มีคุณสมบัติหลักๆในการเพิ่ม Volume และบางรุ่นที่เป็น Skin booster ก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เช่นกัน จากกลไกของ Fibroblast stretching ซึ่งวิธีการคือใช้ HA Filler มาฉีดเติมเข้าไปที่ก้นหลุมให้เนื้อผิวฟูเต็มขึ้นมาโดยตรง ด้วยเทคนิคการฉีดแบบต่างๆ วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวชนิด rolling scar ที่มีปากแผลกว้าง ขอบสโลปและก้นแผลตื้น โดยต้องมีการตัดเซาะพังผืดใต้แผลร่วมด้วย จึงจะได้ผลดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดเป็นหลัก หลังเติมจะเห็นผลชัดเจนทันที  
    • และอีกเทคนิคหนึ่งของการใช้ฟิลเลอร์มาช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นทางอ้อม ด้วยเทคนิค Filler Lifting and Volumizing คือการใช้ฟิลเลอร์มายกกระชับและเติมเต็มบริเวณผิวข้างเคียงหลุมสิว ทำให้หลุมสิวถูกตรึงให้ตื้นขึ้น เทคนิคนี้นอกจากช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นแล้วยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนวัยสดใสขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
    • ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์หลุมสิวจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเลยทันทีกว่า 50% อยู่ได้นานประมาณ 1 ปีในกรณีของ HA Filler และ 2-5 ปีขึ้นไปในกรณีของกลุ่ม PLLA (เช่น Sculptra ผ่าน อย.ไทยแล้ว) และ PMMA  โดยในระหว่างที่ฟิลเลอร์ยังคงอยู่ใต้ผิวเราจะช่วยบำรุงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีลาสตินใหม่ที่แข็งแรงขึ้น แม้ว่าเวลาผ่านไปแล้วฟิลเลอร์จะสลายหมด ผิวตรงหลุมสิวก็จะยังคงดีกว่าตอนก่อนฉีดค่ะ

Reference

-Kravvas G, Al-Niaimi F. A systematic review of treatments for acne scarring. Part 1: Non-energy-based techniques. Scars, Burns & Healing, Volume 3, 2017
-Kravvas G, Al-Niaimi F. A systematic review of treatments for acne scarring. Part 2: Energy-based techniques. Scars, Burns & Healing, Volume 4, 2018. 
-Jordan R, Cummins CCL, Burls A, Seukeran DDC. Laser resurfacing for facial acne scars. Cochrane Database of Systematic Reviews 2000, Issue 3
-Bhargava, S., Cunha, P.R., Lee, J. et al. Acne Scarring Management: Systematic Review and Evaluation of the Evidence. Am J Clin Dermatol 19, 459–477 (2018)
-Review Article Acne Scars: Pathogenesis, Classification and Treatment


https://www.researchgate.net/publication/338749120_Improvement_of_Atrophic_Acne_Scar_and_Skin_Complexity_by_Combination_of_Aqueous_Human_Extract_and_Mesenchymal_Mesotherapy

Powered by MakeWebEasy.com