Real Scar Synergy | รักษาหลุมสิว ศัลยกรรมหลุมสิว ตัดพังผืด Subcision โดย Dr.Ramita | Real Clinic

Real Scar Synergy (RSS) คืออะไร?

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมรักษาหลุมสิวมากี่ครั้ง ผลลัพธ์ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ?
หมออยากเริ่มด้วยการอธิบายสั้นๆ เพราะหลุมสิวมีหลายรูปแบบ และคนเป็นหลุมสิว มักเกิดหลุมสิวหลายแบบปะปนอยู่บนใบหน้าเรา ซึ่งการใช้วิธีรักษาแบบเดียวกันทั้งหน้า จึงไม่อาจแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง 

นี่คือเหตุผลที่ โปรแกรม Real Scar Synergy ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อวิเคราะห์หลุมสิวแต่ละหลุมบนใบหน้า และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด นำหลายวิธีการรักษามาทำงานร่วมกันอย่าง “เสริมพลัง” ผลลัพธ์จึงไม่ได้แค่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่เป็นการปรับผิวโดยรวมให้เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ และเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากขึ้น 

หลักการ RSS ดูรีวิวรักษาหลุมสิว นัดประเมินกับแพทย์

* ทุกรีวิวของคุณหมอได้รับการยินยอมจากคนไข้ให้นำมาเผยแพร่
* ทุกรีวิวเป็นคนไข้ทางคลินิก 
* ผลจากการรักษาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
รักษาหลุมสิว,ตัดพังผืด,รักษาหลุมสิว, วิธีรักษาหลุมสิว, Fractional Laser, Microneedling, Subcision, เติมฟิลเลอร์, Real Scar Synergy, Juvgen,acnescarsurgery,acnescarrevision,รักษาหลุมสิวให้ตื้น,เลเซอร์หลุมสิว, รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด,รักษาหลุมสิวให้หายขาด,ห

ทำไมวิธีเดียวทั้งหน้าไม่พอ

หลุมสิวมีหลายชนิด เช่น Ice pick, Boxcar, Rolling ในคน ๆ เดียวมักมีหลายชนิดปะปน แต่ละชนิดตอบสนองต่อการรักษาไม่เหมือนกัน การใช้วิธีเดียวทั้งหน้า จึงไม่อาจแก้ปัญหาได้ครบถ้วน

หัวใจของผลลัพธ์: ต้องจำแนกหลุมทีละตำแหน่ง แล้วเลือกวิธีให้เหมาะสมจริง ๆ

Real Scar Synergy (RSS) คืออะไร

โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่พัฒนาขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งจะทำการรักษาโดย เน้นหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ที่ ผสมผสานหลากหลายวิธีการรักษา ที่เป็นมาตรฐานสากล มีงานวิจัยรองรับ เข้าไว้ในโปรแกรมเดียว อาศัยความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างผิวและกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างมีประสิทธิภาพ แตกต่างจากการรักษาแบบเดิมที่อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนหรือใช้เวลานานกว่า

หลักการสำคัญของ Real Scar Synergy

1) Specific Scar Revision (รักษาทีละหลุม)

การรักษาหลุมสิวที่ Real Clinic จะไม่ใช้แนวทางแบบ one size fits all แต่จะวิเคราะห์ลักษณะของหลุมสิวในแต่ละหลุม และเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะกับหลุมแต่ละประเภท เพราะหลุมสิวแต่ละประเภทมีโครงสร้างและตอบสนองกับการรักษาที่ต่างกัน

2) Multimodality Approach (หลายเทคนิคร่วมกัน)

การใช้หลายเทคนิคร่วมกัน คือหัวใจของ Real Scar Synergy เพราะไม่มีเครื่องมือหรือวิธีใดเพียงอย่างเดียวที่แก้ปัญหาหลุมสิวได้ครบถ้วน การรักษาจึงประกอบด้วยหัตถการหลายรูปแบบ ปรับให้เหมาะกับชนิดหลุมและสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ผลลัพธ์: เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก ผิวเรียบขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พักฟื้นน้อย

ขั้นตอนการรักษา (Step-by-step)

0) Consult

"ประเมินสภาพผิว" ชนิดหลุม พังผืด ไลฟ์สไตล์ และถ่ายภาพมาตรฐาน

1) Diagnose & scar mapping

" จำแนกชนิด " หลุมรายตำแหน่ง และวางแผนการรักษา (scar mapping)

2) Release/Reshape

" ปลด พังผืด ” ที่ดึงรั้งผิวชั้นลึก ทำให้ผิวถูกตรึงไว้จนไม่สามารถฟื้นตัวได้เอง RSS ใช้เทคนิค Subcision หรือ เทคนิคอื่นๆ การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับ ตำแหน่ง ความลึก และชนิดหลุมสิว ร่วมกับการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) เพื่อแยกพังผืดออกจากเนื้อเยื่อโดยรอบ เมื่อพังผืดถูกปลดออก ผิวก็เหมือนถูกปล่อยเป็นอิสระอีกครั้ง พร้อมที่จะซ่อมแซมตัวเองได้เต็มที่

3) Refine

" ฟื้นฟู " หลังจากปลดล็อกพังผืดแล้ว ผิวยังต้องการการฟื้นฟูเพื่อสร้างโครงสร้างใหม่ที่แข็งแรง RSS จึงเสริมด้วยการใช้ สารกระตุ้นการซ่อมแซมผิว ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อช่วยให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อที่เคยเสียหายค่อยๆ ถูกซ่อมแซม ทำให้ผิวแน่นขึ้น แข็งแรงขึ้น วิธีการ และตัวยา ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความเรุนแรงของหลุมสิวแต่ละบุคคล

4) Regenerate

" กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเมื่อผิวได้รับการปลดพังผืดและฟื้นฟูแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย ด้วยตัวยาที่ช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนถุกสร้างขึ้นใหม่ และจะถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง เติมเต็มร่องลึกของหลุมสิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น หลุมสิวจึงค่อยๆ ตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และผลลัพธ์ยังคงพัฒนาไปเรื่อยๆ หลังการรักษา

Real Scar Synergy ต่างจากการรักษาทั่วไปอย่างไร
โดยทั่วไปการรักษาหลุมสิวแบบมาตรฐาน จะแบ่งเป็น 2 หลักการใหญ่ๆ คือ
Energy-Based Acne Scar Revision  – การรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ 
Non-Energy Based Acne Scar Revision – การรักษาด้วยหัตถการของแพทย์

ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะนิยมใช้เลเซอร์เป็นทางเลือกแรก เนื่องจากเป็นวิธีที่ดูปลอดภัยและไม่ยุ่งยาก แต่เลเซอร์มักต้องทำซ้ำหลายครั้ง และในแต่ละครั้งจะเกิดสะเก็ดที่ผิว ซึ่งจำเป็นต้องหยุดกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงแดด และพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง ส่งผลให้หลายคนต้องเว้นช่วงหรือยุติการรักษาก่อนเห็นผลจริง

RSS จัดอยู่ในกลุ่ม Non-Energy Based Acne Scar Revision แต่ แตกต่างจากการหัตถการทั่วไป ด้วยการใช้วิธีการรักษาหลุมสิว โดยผสานหลายเทคนิคทางการแพทย์ และการวิเคราะห์เชิงลึก ในการรักษาแก้ไข ปัญหาหลุมสิวในแต่ละคน ซึ่งสามารถเห็นผล การเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก และให้ผลลัพธ์ยาวนาน โดยไม่จำเป็นต้องหยุดงานหรือพักหน้านาน

 

เหมาะกับใคร & รักษาอะไรได้บ้าง

  • ผู้ที่รักษามาหลายวิธีแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเพิ่มเติม หลังจากทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้งแล้ว
  • ผู้ที่ทำเลเซอร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเห็นผล
  • ผู้ที่ไม่สามารถพักหน้าหลังทำเลเซอร์ได้
  • ผู้ที่ผิวบาง ระคายเคืองง่าย เป็นฝ้า มีข้อจำกัดในการทำเลเซอร์

ข้อจำกัด/สิ่งที่ควรรู้

  • ไม่ได้ทำให้ผิวเรียบเนียนกริบ100% เสมือนผิวที่ไม่เคยมีแผลเป็นหรือริ้วรอยมาก่อน
  • แม้พังผืดจะถูกตัดให้แยกออกจากกัน แต่เนื่อเยื่อแผลเป็นยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกกำจัดออกไปแบบการผ่าตัดเเอาออก แล้วเย็บหลุม
  • หลุมสิวแบบจิกลึก ขอบคมชัด อาจเห็นผลไม่มากในครั้งแรก แต่คุณภาพผิวโดยรวมจะดูดีขึ้น
  • ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการบวม ทำให้ดูตื้นขึ้นเกินเนื้อจริง
  • บางชนิดอาจต้องทำหลายครั้ง

การเตรียมตัว & ดูแลหลังทำ

ก่อนทำ

  • ปรึกษาและวางแผน
  • แปะยาชา 45-60 นาที

หลังทำ

  • หลังทำจะมีรอยแดงจากเข็ม และตุ่มแดงเหมือนยุงกัด วันรุ่งขึ้นจะค่อยๆจางลง ไม่มีแผลตารางตกสะเก็ด
  • หลังทำหัตถการ 24 ชั่วโมง สามารถแกะผ่าก๊อซที่ปิดแผลไว้ได้ และสามารถล้างหน้า/แต่งหน้า/ทาแป้งได้ตามปกติ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 5วันขึ้นไป
  • หลังการรักษา2วัน ควรงดการออกกำลังกาย อบซาวน่า แช่ออนเซน
  • ควรระวังไม่ใช้มือกดผิวบริเวณที่ทำการรักษา และไม่กดผิวแรงๆบริเวณนั้น
  • หลังการรักษาจะมีการปิดเทปผ้าก็อซ1-2วัน เพื่อรักษาผิวบริเวณนั้นและป้องกันการติดเชื้อ

งานวิจัยอ้างอิง 

  1. Rullan P, et al. TCA CROSS for ice pick scars: technique & outcomes. Dermatol Surg.
  2. Fabbrocini G, et al. Punch techniques and individualized acne scar treatment. Clin Cosmet Investig Dermatol.
  3. Jacob CI, Dover JS, Kaminer MS. Acne scarring: a classification and review. J Am Acad Dermatol.
  4. Kirti Y, et al. Subcision for atrophic acne scars: efficacy and safety. J Cutan Aesthet Surg.
  5. Gold MH, et al. Fractional CO/Er:YAG for acne scars in skin of color. Dermatol Surg.
  6. Cho SB, et al. RF microneedling in atrophic scars: outcomes & PIH risk. Lasers Surg Med.
  7. Lee WR, et al. Polynucleotides for skin regeneration and wound healing. Biomed Res Int.
  8. Fabbrocini G, et al. Combination therapies for acne scars: evidence-based review. Dermatol Ther.

*รายชื่อด้านบนเป็นแนวทางอ่านเพิ่มเติม หมอจะอัปเดตเอกสารอ้างอิงฉบับเต็มเป็นระยะ

นัดประเมินกับแพทย์ / ติดต่อเรา

เตรียมภาพหน้าตรงเอียงซ้ายเอียงขวา ภายใต้แสงสม่ำเสมอ เพื่อความแม่นยำ

แชต LINE โทรหาเรา

ดูรีวิวรักษาหลุมสิว

รวมรีวิวเคสจริงจาก Real Clinic โดย Dr.Ramita

* ทุกรีวิวของคุณหมอ ได้รับการอนุญาตจากคนไข้แล้วจึงนำมาให้ชมกันค่ะ
* ทุกรีวิวเป็นคนไข้คุณหมอจริง 
* ผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
 

 

 

รักษาหลุมสิว,ตัดพังผืด,รักษาหลุมสิว, วิธีรักษาหลุมสิว, Fractional Laser, Microneedling, Subcision, เติมฟิลเลอร์, Real Scar Synergy, Juvgen,acnescarsurgery,acnescarrevision,รักษาหลุมสิวให้ตื้น,เลเซอร์หลุมสิว, รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด,รักษาหลุมสิวให้หายขาด,ห
รักษาหลุมสิว,ตัดพังผืด,รักษาหลุมสิว, วิธีรักษาหลุมสิว, Fractional Laser, Microneedling, Subcision, เติมฟิลเลอร์, Real Scar Synergy, Juvgen,acnescarsurgery,acnescarrevision,รักษาหลุมสิวให้ตื้น,เลเซอร์หลุมสิว, รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด,รักษาหลุมสิวให้หายขาด,ห
juvgen
juvgen realclinic รักษาหลุมสิว
รักษาหลุมสิว,ตัดพังผืด,รักษาหลุมสิว, วิธีรักษาหลุมสิว, Subcision, เติมฟิลเลอร์, Real Scar Synergy, รักษาหลุมสิวที่ไหนดี,Juvgen,acnescarsurgery,acnescarrevision,รักษาหลุมสิวให้ตื้น,เลเซอร์หลุมสิว, รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด,รักษาหลุมสิวให้หายขาด,หลุมสิว,realc
รักษาหลุมสิว
juvgen drjin ดร.จิน หลุมสิวเกาหลี รักษาหลุมสิว ศัลยกรรมหลุมสิว real scar synergy dr ramita
juvgen drjin ดร.จิน หลุมสิวเกาหลี รักษาหลุมสิว ศัลยกรรมหลุมสิว real scar synergy dr ramita  รีวิวหลุมสิว
รักษาหลุมสิว,ตัดพังผืด,รักษาหลุมสิว, วิธีรักษาหลุมสิว, Subcision, เติมฟิลเลอร์, Real Scar Synergy, รักษาหลุมสิวที่ไหนดี,Juvgen,acnescarsurgery,acnescarrevision,รักษาหลุมสิวให้ตื้น,เลเซอร์หลุมสิว, รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด,รักษาหลุมสิวให้หายขาด,หลุมสิว,realc
รักษาหลุมสิว,ตัดพังผืด,รักษาหลุมสิว, วิธีรักษาหลุมสิว, Fractional Laser, Microneedling, Subcision, เติมฟิลเลอร์, Real Scar Synergy, Juvgen,acnescarsurgery,acnescarrevision,รักษาหลุมสิวให้ตื้น,เลเซอร์หลุมสิว, รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด,รักษาหลุมสิวให้หายขาด,ห

Q&A เกี่ยวกับ Real Scar Synergy (RSS) 

Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากคอร์สเลเซอร์อย่างไร

สรุปสั้นRSS = Non-Energy เป็นหลัก (หัตถการฝีมือแพทย์) วิเคราะห์หลุมรายตำแหน่ง แล้วผสานหลายเทคนิคเฉพาะจุด; เลเซอร์เป็น ตัวเก็บรายละเอียด เท่าที่จำเป็น

A : Real Scar Synergy เป็นการดูแลรักษาหลุมสิวแบบองค์รวม โดยใช้หัตถการฝีมือแพทย์เป็นหลัก หรือในทางการแพทย์คือ Non-Energy Based Acne Scar Revision. หมอจะเลือกเทคนิคที่เหมาะกับหลุมสิวแต่ละประเภทและตำแหน่ง แล้วผสานหลายหัตถการร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้อาจใช้เลเซอร์เพื่อเก็บรายละเอียดพื้นผิว (เป็นตัวเสริม) ขึ้นกับชนิดย่อยของหลุมและความต้องการของคนไข้

การรักษาแบบนี้ต้องอาศัยความละเอียดประณีตและทักษะแพทย์สูง โดยเฉพาะเคสที่มีพังผืดดึงรั้งลึกหรือเนื้อเยื่อฝ่อยุบกว้าง เลเซอร์เพียงอย่างเดียวมักแก้ไม่ได้ จำเป็นต้องใช้หัตถการปลดพังผืด/จัดโครงสร้างก่อน

ส่วน คอร์สเลเซอร์ทั่วไป อยู่ในกลุ่ม Energy-Based Acne Scar Revision โดยใช้พลังงานเลเซอร์/คลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน เช่น CO (Full Ablative/Fractional), Erbium (Full/Fractional), Fractional RF (eMatrix, Fractora, Infini, Genius), Picosecond (PicoDiscovery, PicoSure, PicoWay, PicoPlus), Dual 1550/1927 nm (Fraxel Re:store) ฯลฯ เมื่อทำโดยแพทย์ชำนาญ ปรับพารามิเตอร์ถูกต้อง ก็ช่วยให้หลุมบางชนิดที่ไม่รุนแรงดีขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นหลุมลึกที่มีพังผืดรั้งมาก เลเซอร์อย่างเดียวต่อเนื่องเป็นคอร์สจะไม่แก้ได้ครบ จำเป็นต้องจัดการเชิงโครงสร้างร่วมด้วยค่ะ

Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากการผ่าตัดเย็บหลุมสิวอย่างไร

มุมมองผ่าตัดเย็บ = เปลี่ยน หลุมจิกลึกขอบหนา ให้เป็น เส้นแผล ต้องดูแลแผลเคร่งครัดและมักต้องทำเลเซอร์ลบรอยใหม่ภายหลัง

A : การผ่าตัดเย็บหลุมสิวคือการแปลงแผลลึกขอบหนาให้เป็นแผลเส้น คนไข้ต้องดูแลแผลอย่างเคร่งครัด ห้ามโดนน้ำจนถึงกำหนดตัดไหม 5-7 วัน และหลังจากนั้นมักต้องทำเลเซอร์เพื่อลบรอยใหม่ต่อ จึงเหมาะกับผู้ที่สามารถดูแลต่อเนื่องได้จริง

กลุ่มผ่าตัดยังมีเทคนิคมาตรฐานอื่น ๆ เช่น Punch grafting, Punch elevation (ปัจจุบันโปรแกรมของคลินิกยังไม่ได้ใช้เทคนิคเหล่านี้เป็นประจำ)

ขณะที่ RSS จะพยายามแก้เชิงโครงสร้างด้วยหัตถการปลดพังผืด/ปรับขอบ/ฟื้นชั้นผิวอย่างเป็นลำดับ เพื่อลดความจำเป็นในการผ่าตัดใหญ่และลด downtime สำหรับหลาย ๆ เคสค่ะ

Q : ขั้นตอนการทำ เป็นอย่างไร ?

สำคัญขั้นตอนขึ้นกับ ดุลยพินิจแพทย์ + สภาพผิวแต่ละบุคคล มีการปรับแผนตามข้อจำกัดจริง

A : หมอจะเริ่มจากการ วิเคราะห์ใบหน้าโดยรวมและหลุมสิวรายตำแหน่ง คลำพังผืด ประเมินพื้นฐานผิวอย่างละเอียด แล้วค่อยออกแบบแผนเฉพาะบุคคล เช่น บางคนทำงานต้องใช้หน้า พักหน้าไม่ได้/ห้ามมีสะเก็ด หมอจึงปรับเทคนิคและรอบการรักษาให้สอดคล้อง

  • ปรึกษาวางแผน ร่วมกัน ~ 30 นาที
  • แปะยาชา 45-60 นาที
  • ทำหัตถการแพทย์  60-90 นาที (หลายหัตถการร่วมกัน ตามความเหมาะสม)
  • ฉีดตัวยาฟื้นฟูผิว 30 นาที กลุ่ม Skin Regeneration (ขึ้นกับปัญหาเฉพาะราย)
  • ลง Biorepair serum และให้กลับไปดูแลต่อที่บ้าน
Q : หัตถการที่แพทย์ทำ ต่อ 1 เคสทำอะไรบ้าง

หลัก ๆใช้ หลายหัตถการในครั้งเดียว เพื่อแก้หลายปัจจัยของหลุมสิวพร้อมกัน

A : โดยหลัก ทุกเคส จะมีการ ฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) ช่วยตัดพังผืด/สร้างโพรงใต้ผิว จากนั้น ฉีดสารฟื้นฟูเนื้อเยื่อ (Skin Regeneration Agents) เช่น Hyaluronic acid อนุภาคเล็ก, Polynucleotides (PN/PDRN), Peptides ฯลฯ หัตถการอื่น ๆ เช่น Subcision, TCA CROSS, Microneedling, Punch จะพิจารณาตามชนิดและตำแหน่งของหลุมค่ะ

Q : เห็นผลดีแค่ไหน ? ต้องรักษากี่ครั้ง ?

A : หลุมสิวคือแผลเป็นชนิดหนึ่ง ปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดทำให้ เรียบเนียน 100% เหมือนผิวเดิมได้ ผลลัพธ์ขึ้นกับ ชนิดหลุมความลึกพังผืดพื้นผิวอายุกรรมพันธุ์ข้อจำกัด ของแต่ละคน

แนวโน้มผลลัพธ์
Rolling scar ปากกว้าง ขอบไม่คม พังผืดไม่หนามาก บางรายดีขึ้นได้ราว 60-70% ภายในการทำครั้งเดียว
เคสรุนแรง (จิกลึก/ขอบคม/พังผืดหนา/ยึดกับชั้นลึก) อาจต้อง 2-3 คอร์ส เพื่อให้ดีขึ้นราว 40-50%
โดยทั่วไปจะเห็นการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องภายใน 3-6 เดือน และยังดีขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 6-12 เดือน
Q : ราคาเท่าไร ?

A : เริ่มต้นที่ 39,900 บาท/คอร์ส ซึ่งจะได้รับรักษาคอร์สละ 2  ครั้ง (ค่ารักษาขึ้นกับปริมาณความหนาแน่นของแผลเป็นหลุมสิว ความรุนแรง ตำแหน่ง และเครื่องมือตัวยาที่ใช้) สามารถส่งรูปถ่ายมาให้คุณหมอตรวจเพื่อประเมินเบื้องต้นก่อนได้ค่ะ

Q : ผลข้างเคียง ความปลอดภัย ?

A : เป็นหัตถการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง อาจมีบวม/แดง/ช้ำ ได้ตามสภาพผิว แต่โดยมาก ไม่ต้องพักหน้า ไม่มีสะเก็ดตาราง และไม่ทำให้ผิวบาง

Q : มี อย. ไทยไหม ?

A : มีค่ะ ผลิตภัณฑ์ตัวยาและเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในหัตถการ ผ่าน อย. ไทย ครบถ้วน

Q : ทำครั้งหนึ่งอยู่ได้นานแค่ไหน ? ได้ผลถาวรไหม ?

A : โดยหลักการ RSS จะมีการตัดเลาะพังผืด และฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนให้ร่างกายฟื้นฟูโครงสร้างเนื้อผิวใหม่ ผลลัพธ์จึงมีลักษณะยาวนาน คล้ายการทำเลเซอร์ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณา Aging process ของผิว (อายุที่มากขึ้นทำให้คอลลาเจนลดลงทีละน้อย ร่วมกับปริมาตรไขมันกระดูกที่เสื่อม) จึงควรมองผลลัพธ์ว่า กึ่งถาวร มากกว่าถาวร 100% ซึ่งเป็นธรรมชาติของผิวมนุษย์

ในเคสที่มีการยุบตัวของชั้นไขมัน อาจจำเป็นต้อง เติมสารเติมเต็ม ร่วมด้วย ปริมาณของสารเติมเต็มจะสลายไปกลไกธรรมชาติ แต่การ Subcision ที่ตัดพังผืด + คุณสมบัติการกระตุ้นคอลลาเจนของสารเติมเต็มและสารกระตุ้นคอลลาเจน จะกระตุ้นให้เกิดการสร้าง คอลลาเจนอีลาสตินใหม่ (ถาวร/กึ่งถาวรเมื่อมองร่วมกับปัจจัย aging process ตามธรรมชาติ)

*ปริมาณคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างได้ แตกต่างกันในแต่ละคน ตามพันธุกรรมและระบบภูมิคุ้มกัน การดูแลหลังทำและการคุมสิวไม่ให้อักเสบซ้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อความยั่งยืนของผลลัพธ์ค่ะ

Methods & Techniques

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้น มีหลายวิธีด้วยกันโดยหมอจะขอแบ่งเป็นกลุ่มการรักษาเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้

1) กลุ่ม Resurfacing

1.กลุ่ม Resurfacing เรียกง่ายๆก็คือการกรอผิวให้เนียนขึ้นนั่นเองในกลุ่มนี้ก็ได้แก่

Dermabrasion/Microdermabrasion

Dermabrasion/Microdermabrasion คือการใช้เครื่องมือกรอผิวหนังชั้นบนให้เรียบเนียนเสมอกันมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่มี Aluminum oxide หรือแกล็ดอัญมณี มากรอผิวชั้นบนและขัดออก เพื่อให้เกิดกระวนการ reepithelialisation

Chemical peeling

Chemical peeling คือการใช้สารเคมีมาผลัดผิวเก่าด้านบนออกไป และช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาแทน เช่น การใช้กรด Glycolic Acid, Jessners Solution, Pyruvic acid, Salicylic acid, TCA peeling, TCA CROSS(Chemical reconstruction of skin scar method) ในความเข้มข้นที่สูงกว่าที่ผสมในครีมเครื่องสำอางทั่วไปมาจี้ตามจุดหลุมสิวหรือทาให้ทั่วใบหน้าโดยต้องทำหลายครั้งและสม่ำเสมอ

Laser resurfacing

Laser resurfacing ก็คือการใช้เลเซอร์ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะชนิดที่เรียกว่า Fractional Laser หรือที่เราเห็นหลังทำแล้วผิวหน้าเป็นสะเก็ดตารางๆ นั่นเอง ซึ่งในท้องตลาดก็มีชื่อเรียกต่าง ๆกันไป ขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดพลังงาน เช่น ถ้าเป็นคลื่นวิทยุ (RF, Radiofrequency) ก็เช่นเครื่อง E-matrix, Venus Viva, Fractora, Infini, Geneus, Vivance กลุ่มนี้มีผลพลอยได้เรื่องยกกระชับผิวได้ด้วย หรือถ้าเป็น erbium lasers ถ้าเป็นกลุ่ม Photothermolysis ก็เช่น Fraxel เป็นต้น โดยเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาหลุมสิวดีขึ้นมากที่สุดในกลุ่ม กลับเป็นชนิด Ablative laser คือเป็นเลเซอร์ลอกผิวที่มีความรุนแรงต่อผิวมาก เช่น Ablative Fractional CO2 10600 nm, Fractional 2940 nm Erbium:YAG แม้จะได้ผลที่ดีขึ้นมากถึง 50-80% แต่ต้องแลกมาด้วยผลข้างเคียงเป็นรอยแดงรอยดำที่หน้า(ซึ่งอาจทิ้งรอยดำนานเป็นเดือนๆ หรือเกิดฝ้าขึ้นมาแทน) และมักพบอาการบวม แดง รอยแผลถลอกหลังทำ ที่ต้องพักฟื้นหน้านาน รวมถึงการสมานผิวที่ต้องใช้เวลานานกว่ามาก จึงไม่ได้รับความนิยม และไม่เหมาะกับผิวคนเอเชีย

Picosecond laser

และอีกเทคโนโลยีเลเซอร์ใหม่ล่าสุด Picosecond laser ที่ปล่อยพลังงานในช่วงที่สั้นและสูงมาก จึงทำลายเม็ดสีได้ดีมาก และมีการพัฒนาเลนส์พิเศษหัว Fractional ที่ทำให้เกิด LIOB(Laser-induceed optical breakdown) คือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นหนังแท้ และกรอผิวด้านบนให้เรียบเนียน ซึ่งข้อดีของเทคโลโลยีนี้คือ ไม่ค่อยทิ้งรอยดำ PIH แต่อย่างไรก็ตาม หลังทำเลเซอร์ทุกชนิดต้องคอยหลบแดดเช่นกัน

การรักษาเหล่านี้มีหลักการเดียวกันคือทำให้เกิดบาดแผลขึ้นที่ผิวหนังแล้วหวังผลให้ผิวหนังซ่อมแซมตัวเองสร้างคอลลาเจนเนื้อเยื่อใหม่ได้ผิวที่เรียบเนียนขึ้น ในคนไข้บางรายที่ทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้ง แต่ยังรู้สึกไม่เห็นผล อาจเกิดจากมีพังผืดยึดเกาะใต้ผิวมาก หรือบางครั้งเมื่ออายุผิวมากขึ้น คุณภาพผิวเราไม่ดีแล้ว การสร้างใหม่จึงไม่ดีด้วย ทำให้ผิวบางลง ยิ่งทำเลเซอร์บ่อย โดยไม่ได้ทำการฟื้นบำรุงผิวร่วมด้วย ผิวยิ่งบาง หน้ายิ่งแดงง่าย เห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆใต้ผิว แสบหน้า ผิวแพ้ง่าย และผิวหน้าดำคล้ำลงได้ง่าย แม้เวลาถูกแดดเพียงเล็กน้อยก็ตาม

โปรแกรม เลเซอร์เกลี่ยของหลุมสิวของ Real Clinic คลิกดูรายละเอียด

2) กลุ่มการศัลยกรรมตัดพังผืด

Fibrous Scar Surgery และ Subcision

Fibrous Scar Surgery และ Subcision คือใช้เข็มคมขนาดใหญ่ หรือ เข็มชนิดพิเศษที่มีปลายมีด มาตัดเลาะพังผืดใต้ผิว เป็นวิธีพื้นฐานที่มักทำควบคู่กับวิธีอื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วิธีนี้อาจมีรอยเขียวช้ำ ห้อเลือดตามมาได้ และหากทำโดยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องแล้วอาจทำให้เกิดพังผืดใหม่ที่มากขึ้นได้เช่นกัน ปัจจุบันจึงได้มีการศึกษาเทคนิคการตัดพังผืดด้วยเครื่องมืออื่นๆ เช่น เข็มปลายทู่ชนิดพิเศษ, การใช้ก๊าซCO2, การใช้พลังงานลม Air Dissector, คลื่นวิทยุRF มาประยุกต์ใช้ในการทำ Subcision แทนการใช้เข็มคมแบบดั้งเดิม เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็มคมหรือปลายมีด มีการศึกษาวิจัย พบว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้เช่นกัน

Punch Technique

Punch Technique ได้แก่ Punch excision, Punch elevation, Punch grafting เป็นการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อตรงที่เป็นหลุมสิวออกไป แล้วเย็บปิดแผล หรือใช้เนื้อผิวบริเวณอื่นมาปลูกถ่ายลงบริเวณที่โดนตัดออก เป็นการเปลี่ยนชนิดแผลเป็นจากแบบหลุมเป็นแบบเส้น แล้วใช้ Laser resurfacing ช่วยลดรอยแผลใหม่อีกที วิธีนี้ดูเหมือนเป็นการรักษาที่ตัดต้นตอของหลุมสิวออกไปได้มากที่สุด แต่มีข้อจำกัดในด้านการดูแลรักษา การหายของแผล การติด/สมานแผลของผิวที่นำมาปลูกถ่าย และเสี่ยงเกิดรอยแผลเป็นชนิดใหม่ตามมาได้เช่นกัน จึงไม่ใช่วิธีแรกที่ถูกพิจารณาในการเลือกรักษา

3) กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็ม (Skin needling)

3.กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็ม (Skin needling)
เช่น Dermaroller, Dermapen, Derma stamp, Dermafix, เลเซอร์ Microneedle กลุ่มนี้ใช้หลักการทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บด้วยเข็มขนาดเล็ก เพื่อให้ร่างกายเกิดกระบวนการรักษาบาดแผลขึ้นมา จึงมีการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาซ่อมแซมผิวด้วย ในกลุ่มนี้ต้องระวังการทำลูกกลิ้ง Dermaroller ที่ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าไม่ได้ช่วยให้หลุมสิวดีขึ้น แต่ยังทำให้เกิดบาดแผลที่ผิวชั้นบนมากยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มาก

ประโยชน์ของ Microneedling?

 

ประโยชน์ของ Microneedling?
กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็มขนาดเล็ก microneedling สามารถช่วยแก้ไขหลุมสิวได้ในระดับตื้นถึงปานกลางเท่านั้น ข้อดีคือสามารถช่วยผลัดผิวชั้นบน ใช้ร่วมกับการผลักดันตัวยาหรือ ได้ดี และไม่ค่อยมีผลข้างเคียงเรื่องรอยดำหลังทำเลเซอร์ ไม่ต้องพักฟื้นผิวหน้าหลังทำ แต่อย่างไรก็ตามหากเทียบประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน(เทียบเฉพาะเครื่องมือ ไม่รวมตัวยาที่ใช้) การทำ Fractional Laser ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

4) กลุ่มสารเติมเต็มและยกกระชับ

การฉีดไขมันเติมเต็ม (Autologous Fat Transfer)

การฉีดไขมันเติมเต็ม (Autologous Fat Transfer) มีข้อดีตรงที่เป็นไขมันของคนไข้เอง ไม่เกิดปฏิกิริยาการแพ้ แต่ข้อเสียคือไม่สามารถคาดการณ์อัตราการติดของไขมันได้ หรือหากเติมมากเกินไปอาจกลายเป็นก้อนนูนไม่เรียบแทน จึงไม่เป็นที่นิยมในการใช้รักษาหลุมสิว

การใช้สารเติมเต็มหลุมสิว (Acne Scar Dermal Filler)

การใช้สารเติมเต็มหลุมสิว (Acne Scar Dermal Filler) วิธีนี้ได้รับความนิยมมากในระดับสากล เนื่องจากเห็นผลไว downtimeน้อย มักใช้เป็นcombinationร่วมกับวิธีอื่น เพื่อให้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน และให้ผลที่ยาวนาน ในปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมสารเติมเต็มขึ้นมาหลายชนิด ไม่เพียงเพื่อเติมเต็มเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีมากอีกด้วย โดยในส่วนของการแก้ปัญหาหลุมสิวนี้ จะต้องอาศัยสารที่มีคุณสมบัติเป็น Collagen Stimulating Filler เป็นหลัก ฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ PLLA (เช่น Sculptra ผ่าน อย.ไทยแล้ว) , Calcium hydroxyapatite (เช่น Radiesse), PMMA, Low molecular weight and High molecular weight HA, PCL แต่สารเติมเต็มหลายตัวในกลุ่มนี้ยังไม่ผ่านการรับรองจาก อย.ของไทย

HA Filler และเทคนิคการฉีด

สารเติมเต็ม ที่มีใช้อย่างแพร่หลายและได้รับการรับรองจาก อย.ของไทย คือ ชนิด Hyaluronic acid หรือ HA Filler กลุ่มนี้มีคุณสมบัติหลักๆในการเพิ่ม Volume และบางรุ่นที่เป็น Skin booster ก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เช่นกัน จากกลไกของ Fibroblast stretching ซึ่งวิธีการคือใช้ HA Filler มาฉีดเติมเข้าไปที่ก้นหลุมให้เนื้อผิวฟูเต็มขึ้นมาโดยตรง ด้วยเทคนิคการฉีดแบบต่างๆ วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวชนิด rolling scar ที่มีปากแผลกว้าง ขอบสโลปและก้นแผลตื้น โดยต้องมีการตัดเซาะพังผืดใต้แผลร่วมด้วย จึงจะได้ผลดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดเป็นหลัก หลังเติมจะเห็นผลชัดเจนทันที

Filler Lifting and Volumizing

และอีกเทคนิคหนึ่งของการใช้ฟิลเลอร์มาช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นทางอ้อม ด้วยเทคนิค Filler Lifting and Volumizing คือการใช้ฟิลเลอร์มายกกระชับและเติมเต็มบริเวณผิวข้างเคียงหลุมสิว ทำให้หลุมสิวถูกตรึงให้ตื้นขึ้น เทคนิคนี้นอกจากช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นแล้วยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนวัยสดใสขึ้นได้อีกด้วยค่ะ

ระยะเวลาผลลัพธ์ของฟิลเลอร์

ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์หลุมสิวจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเลยทันทีกว่า 50% อยู่ได้นานประมาณ 1 ปีในกรณีของ HA Filler และ 2-5 ปีขึ้นไปในกรณีของกลุ่ม PLLA และ PMMA โดยในระหว่างที่ฟิลเลอร์ยังคงอยู่ใต้ผิวเราจะช่วยบำรุงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีลาสตินใหม่ที่แข็งแรงขึ้น แม้ว่าเวลาผ่านไปแล้วฟิลเลอร์จะสลายหมด ผิวตรงหลุมสิวก็จะยังคงดีกว่าตอนก่อนฉีดค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้