1. พลังงาน New MFU (Micro-Focused Ultrasound) พลังงานโฟกัสเฉพาะจุดดีขึ้น ยกได้มากขึ้น กระชับมากขึ้น แต่เจ็บน้อยลง คลื่นเสียงความถี่สูง ที่ถูก “โฟกัสแบบเฉพาะจุด (focused ultrasound beam)”
กระบวนการทำงาน พลังงาน รวมตัวเป็นจุดเล็กระดับมิลลิเมตร (micro-zone) ใต้ผิวหนัง → เกิด ความร้อนเฉพาะจุดที่แม่นยำ พลังงานนี้ไม่แผ่กระจายเหมือนการอุ่นผิวทั่วไป จุดพลังงานแต่ละจุดเรียกว่า Thermal Coagulation Zone (TCZ) ซึ่งเกิดจากอุณหภูมิ 60–70°C ที่ชั้นเป้าหมายในผิว ผิวด้านบนไม่ร้อนเลย เพราะพลังงานไปรวมที่ "จุดโฟกัส" เท่านั้น
2. เทคโนโลยี Synergy Dotting เครื่องแรกและเครื่องเดียวของโลก
Synergy Dotting สิ่งนี้จะเพิ่มเอฟเฟกต์การยกกระชับขึ้นเป็นสองเท่า การทำงานร่วมกันเพื่อสะสมความร้อน PRE-HEATING จนอุณหภูมิสูงขึ้นในระดับหนึ่ง จนเกิดกระบวนการที่โปรตีนรอบๆ เกิดการแปรสภาพ (Protein denaturation) และเกิดการหดตัวขึ้นจากความร้อน (Thermal Coagulation) กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ และส่งผลให้ผิวเกิด การยกกระชับขึ้นแม้ว่าพลังงาน HIFU และ RF จะมีจุดเด่นเฉพาะของแต่ละเทคโนโลยี แต่เมื่อใช้งานร่วมกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้เป็นเพียงผลรวม (Additive Effect) แต่กลับแสดงออกเป็นผลลัพธ์ที่ เสริมกัน (Synergistic Effect) อย่างชัดเจน
3. หัวยิงถึง 20 หัว ลงลึกได้หลายระดับ เป็นเครื่องเดียวที่หมอปรับใช้ได้ตามจุดประสงค์ ที่ต้องการได้ดั่งใจ
หัว FL ( Focused Linear MFU )
หัว SD ( Synergy Dotting MFU + RF )
ผลลัพธ์เมื่อใช้ FL + SD พร้อมกัน:
เรียกได้ว่าเป็นการ “ยกทั้งหน้า เสริมทั้งชั้น ฟื้นทั้งผิว” ในการทำครั้งเดียว เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ครบ โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือไม่มีเวลาพักฟื้น
6. เพื่อความปลอดภัยขั้นสุด ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ ไม่ต้องกลัวเบิร์น
HIFU แตกต่างกับ MFU อย่างไร ?
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) : เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานความร้อนลงไปใต้ชั้นผิวหนังอย่างแม่นยำถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานความร้อนนี้จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวหนังหดตัว ยกกระชับ และช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว HIFU มักถูกนำมาใช้เพื่อการยกกระชับใบหน้า คอ และบริเวณลำตัว
MFU (Micro-Focused Ultrasound) : ก็เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูงเช่นกัน แต่จะเน้นการส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวที่ต้องการอย่างแม่นยำในระดับไมโคร โดยจะสร้างจุดความร้อนขนาดเล็กๆ ในชั้นผิวที่ลึกกว่าชั้นหนังแท้ลงไปจนถึงชั้นใต้ผิวหนัง (ประมาณ 5 มม.) ความร้อนที่เกิดขึ้นนี้จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวยกกระชับและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกัน ทั้ง HIFU และ MFU : มีหลักการทำงานที่คล้ายคลึงกันคือการใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อยกกระชับผิว แต่ MFU มักจะเน้นที่ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายไปยังชั้นผิวที่ต้องการ ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายเดียวกันคือการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย แต่ MFU อาจให้ความสำคัญกับความแม่นยำในระดับไมโครและการมองเห็นชั้นผิวขณะทำการรักษามากกว่า
กลไกการทำงานของ New MFU : Thermal vs Mechanical Effect
1. Thermal Effect (ผลจากความร้อน)
เมื่อคลื่นอัลตราซาวนด์ถูกรวมกัน ณ จุดโฟกัส จะเกิดพลังงานความร้อนเฉพาะจุด
ทำให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนเดิม (Collagen contraction) และกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนใหม่
2. Mechanical Effect (ผลกระทบทางกล)
ความดันคลื่นอัลตราซาวนด์ที่รุนแรงจะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนระดับเซลล์ และทำให้มีการ “ยืด-หด” (Micro-mechanical vibration) ซึ่งเสริมฤทธิ์ของการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
ความแตกต่างของหัว Linear Focused VS Dot Focused
1. หัวเหลี่ยม ( Focused Linear MFU )
ลักษณะพลังงาน:
ปล่อยพลังงานเป็น เส้น (Line-based Coagulation Zone)
กระจายพลังงานแบบแถบแนวตรง (Line Shot) มีลักษณะเหมือน “การเชื่อมจุดเป็นเส้น”
ข้อดี:
2. หัวกลม ( Synergy Doting MFU + RF )
ลักษณะพลังงาน:
พลังงานรวมกันเป็น จุด (Focal Spot) เล็กๆ ต่อเนื่องแบบ “Point-by-Point”
รูปแบบการปล่อยพลังงาน: แบบจุด (Dot-based)
พลังงานแต่ละช็อตจะก่อตัวเป็น จุด Coagulation ขนาด ~1 มม.³
ข้อดี:
MFU อย่างเดียวอาจยกได้…แต่ถ้าอยากให้ผิวแน่น ใบหน้าดูสดใสครบ ต้องมี RF ร่วมด้วย
MFU (Micro Focused Ultrasound) คือพลังงานอัลตราซาวนด์ที่โฟกัสพลังงานลงไปลึกในผิว โดยเฉพาะที่ ชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
เมื่อพลังงานลงไปถึงจุดนั้น จะทำให้เกิดการหดตัวของเส้นใยพังผืด (Coagulation) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกผิวขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด
แต่ MFU เองก็ยังมีข้อจำกัดค่ะ คือถึงแม้จะยกได้จากชั้นลึก แต่จะไม่ได้ช่วยเรื่องผิวชั้นบน เช่น รูขุมขน ผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือความแน่นฟูของพื้นผิว
ตรงนี้เองที่ RF (Radiofrequency) เข้ามาเสริมอย่างชัดเจน
แล้ว RF คืออะไร?
RF (Radiofrequency) คือพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ ที่ให้ความร้อนระดับ 45-50°C ในผิวชั้นตื้น (ชั้นหนังแท้) โดยไม่ทำให้เกิดบาดแผล
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด, ฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน, ทำให้ผิวแน่น ฟู เรียบ รูขุมขนกระชับ
แล้วถ้า MFU + RF ล่ะ?
ได้รวมทั้งพลังงาน MFU (ลึก) และ RF (ตื้น) ในหัวเดียวกัน > ยิง 1 ช็อต = ได้ผลลัพธ์ 2 ชั้นผิว เทคโนโลยีนี้เรียกว่า " Synergy Dotting "
New MFU Synergy เป็น “เครื่องแรกของโลก” ที่ผสมผสานสองพลังงานไว้ในหัวยิงตัวเดียวเพื่อช่วย Skin Lifting + Skin Refining = Synergistic Effect ในขั้นตอนเดียว ไม่ใช่เพียงการรวมเทคโนโลยี แต่เป็นการ วางพลังงานแบบเสริมฤทธิ์กันในเชิงกายวิภาค เมื่อพลังงานลึกและพลังงานตื้นทำงานร่วมกัน โดยเข้าใจทิศทางของเนื้อเยื่อและจุดวางพลังงาน
ผลลัพธ์ที่ได้จะเด่นชัด ทั้งในด้าน การยก – ความแน่น – ความเรียบเนียน – ความกระจ่างใสของผิว ในระยะยาว
Skin Lifting : พลังงาน MFU โฟกัสลึกถึงชั้น SMAS ในอุณหภูมิ ≈ 60–70 °C สร้าง Thermal Coagulation Zones เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใหม่
Skin Refining : พลังงาน RF อุ่นผิวชั้นตื้น ≈ 45 °C ล่วงหน้า 300 มิลลิวินาที เพิ่มการไหลเวียนเลือด เปิดทางให้ MFU ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
หลักกลไกที่ทำให้เกิด Synergistic Effect
MFU ส่งพลังงานลงไปยังระดับลึกของผิวถึงชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ทำให้เกิดจุดร้อน (Thermal Coagulation Point) ที่อุณหภูมิ 60–70°C
→ กระตุ้นกระบวนการ wound healing และ neocollagenesis (การสร้างคอลลาเจนใหม่) ในระดับลึก
RF ทำงานในชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยให้ความร้อนต่อเนื่องในระดับ 42–50°C
→ ทำให้เกิด vasodilation (การขยายตัวของหลอดเลือดฝอย) และ fibroblast stimulation ส่งผลให้เกิดการสร้าง คอลลาเจนและอิลาสติน ในแนวกว้างและต่อเนื่อง
แม้ว่าพลังงาน HIFU และ RF จะมีจุดเด่นเฉพาะของแต่ละเทคโนโลยี แต่เมื่อใช้งานร่วมกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้เป็นเพียงผลรวม (Additive Effect) แต่กลับแสดงออกเป็นผลลัพธ์ที่ เสริมกัน (Synergistic Effect) อย่างชัดเจน
เรียกได้ว่าเป็นการ “ยกทั้งหน้า เสริมทั้งชั้น ฟื้นทั้งผิว” ในการทำครั้งเดียว เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ครบ โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือไม่มีเวลาพักฟื้น
HIFU กำลังเป็นที่นิยม สำหรับคนที่สนใจ จะรู้ว่ามีราคาตั้งแต่ 3,000 บาท ถึง 20,000 บาท เอ๊ะ! ทำไมราคาต่างกันมาก เราจะรู้ได้ยังไงว่า ทำที่ไหนดี เลือกจากอะไรดี เครื่องที่เค้าใช้ ใช่ HIFU รึเปล่านะ เป็นเครื่องจีนรึเปล่า?
1. ตัวเครื่อง HIFU จะเห็นผลดี หรือไม่เห็นผลเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องที่ใช้เป็นหลักเลยค่ะ
4. ราคา
*ข้อควรระวัง ระวังเครื่องจีน เครื่องลอกเลียนแบบส่วนใหญ่จะไม่ใช่แบบ consume shot
5. การวิเคราะห์ก่อนการรักษา
Q : ถามจริงๆเลย HIFU เห็นผลจริงไหม ?
A : ขึ้นกับ หลายปัจจัย
เครื่องที่ใช้ - ต้องเป็นแบรนด์เกาหลีแท้เท่านั้น จึงจะเชื่อมั่นได้ว่ามีคุณภาพได้มาตรฐานจริงๆ เพราะเป็นประเทศต้นกำเนิด HIFUส่วนใหญ่เครื่องที่ราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพ ยิงแล้วเจ็บแต่ไม่เห็นผล มักมาจากประเทศจีน
จำนวนชอตที่ยิง- จำนวนชอตต้องเหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ทั้งนี้จำนวนชอตที่เหมาะสมในแต่ละยี่ห้อเครื่องมีความแตกต่างกัน จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เช่น บางเครื่องจำนวนชอตทั่วใบหน้าที่เหมาะสม อยู่ที่ 400-600 ชอต บางเครื่องอยู่ที่ 2000-3000 ชอต
แพทย์ที่ทำ- ผู้ทำหัตถการควรเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เรื่องกายวิภาคบนใบหน้า และวิเคราะห์สาเหตุความหย่อนคล้อยของใบหน้าแต่ละคนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งต้องยิงด้วยเทคนิคการยกกระชับที่ถูกต้องในแต่ละเครื่อง ปรับค่าพลังงานและใช้จำนวนชอตที่เหมาะสม จึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดี
ปัญหาที่คนไข้กังวล เหมาะทำไหม คนไข้บางราย มีปัญหาใบหน้าตอบและหน้าไม่เท่ากันจากชั้นกระดูกที่ยุบตัวลง การทำ HIFU จึงไม่เหมาะสมและไม่ตรงจุด ในกรณีแบบนี้การแก้ไขด้วยสารเติมเต็มจะเหมาะสมกว่าค่ะ
ความคาดหวัง คนไข้บางรายคาดหวังว่า การทำ HIFU เพียงครั้งเดียว จะทำให้ดูเด็กลงกว่าสิบปี และช่วยแก้ทุกปัญหาแห่งวัยบนใบหน้าได้ ทั้งเรื่องความหย่อนคล้อย ร่องลึก และริ้วรอยที่เป็นร่องถาวรแล้ว กรณีคาดหวังขนาดนี้ การทำ HIFU จะไม่สามารถเห็นผลที่พึงพอใจได้ขนาดนั้น
*เกร็ดความรู้ HIFU ต้นกำเนิดจริงๆอยู่ที่ประเทศเกาหลี
Q : เครื่องยี่ห้อไหนดีสุด ?
A : ดีแตกต่างกัน
ถ้าเปรียบเทียบเฉพาะ HIFU แบรนด์แท้จากเกาหลี (เช่น Liftera, Utims, Ultraformer, Contlex) หากเป็นเครื่องที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน พลังงานแต่ละชอตที่เสถียรลงตรงชั้น SMAS อย่างแม่นยำแล้ว หากวัดประสิทธิภาพจากหัวข้อเหล่านี้ พบว่าไม่แตกต่างกัน
แต่ว่าในแต่ละแบรนด์จะมีจุดเด่นฟังก์ชั่นเสริมที่แตกต่างกันออกไป เช่น
Liftera มีเทคโนโลยี TDT ที่ทำให้ไม่เจ็บ แต่พลังงานกระจายได้กว้าง จึงกระตุ้นคอลลาเจนยกกระชับได้ดีและทำให้ผิวใสเด้งขึ้นด้วยทั้งยังมีหัวยิง ทั้ง Line Catridge และ Pen Applicator ;
Ultraformer ที่เป็น MMFU มีหัวยิงหลายระดับความลึก จึงช่วยทั้งยกกระชับและลดไขมันเฉพาะจุดได้อีกด้วย
ดังนั้น หากเป็นเครื่องแบรนด์แท้ได้คุณภาพ ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็สบายใจได้เลยค่ะว่ามีประสิทธิภาพดีแน่นอน ทีนี้ออฟชั่นเสริมเพิ่มประสิทธิภาพของแต่ละเครื่องก็เลือกได้ตามความพึงพอใจ เช่น กลัวเจ็บ อยากได้ผิวเด้งด้วย ชอบหัวยิงทั้งแบบ single shot และ line shot คู่กัน ก็เลือกคลินิกที่มีเครื่องที่ตอบโจทย์เหล่านี้ได้เลยค่ะ
*เกร็ดความรู้ ก่อนตัดสินใจทำที่คลินิกไหน สอบถามยีห้อ รุ่นของเครื่องที่ใช้ สามารถเช็คง่ายๆเลยว่าเป็นเครื่องแท้จากเกาหลีจริงไหม โดยเสิร์ชชื่อแบรนด์ของเครือง ใน google ก็จะขึ้นหน้า official website ในเกาหลีเลย เช่น Liftera, Utims, Ultraformer, Contlex ซึ่งยี่ห้อเหล่านี้ผลิตโดยโรงงานเครื่องมือแพทย์และเลเซอร์ ที่มีขนาดใหญ่ ได้มาตรฐานผ่าน KFDA (อย.เกาหลี) และมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมในเกาหลีด้วย
Q : ทำไมบางที่ราคาถูกมาก ?
A : ส่วนใหญ่ที่สามารถทำราคา HIFU ได้ถูกมากๆ มักเป็นเครื่องที่ผลิตในจีน ซึ่งราคาเครื่องมักอยู่ที่เพียงหลักหมื่น ไม่ล็อคชอต หรือหัวชอตราคาถูกมาก แต่ต้องระวังเรื่องความเสถียรของพลังงาน และความแม่นยำของชอตให้ดีนะคะ เพราะมีความเสี่ยงเกิดผิวไหม้ หรือยิงไปแล้วเจ็บแต่ไม่เห็นผล เจอแบบนี้เยอะมากๆค่ะ
*เกร็ดความรู้ ลองเช็คใน Alibaba เลยค่ะ ถ้าหน้าตา ชื่อรุ่น เครื่อง HIFU แบบที่คลินิคนี้บอก ไปอยู่ในเวบนี้จากเมืองจีน ก็เกือบ100%ว่าจีนแท้ๆเลย ยิ่งถ้าราคาเครื่องแค่หลักหมื่นหรือแสนต้นๆด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าไว้ใจ คือเราจะไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าพลังงานที่ปล่อยออกมา เป็นพลังงานอะไร หน้าจะเบิร์นไหม เส้นประสาทข้างในจะเป็นอะไรไหม
Q : ทำไมต้องแพทย์ทำด้วย เห็นบางที่ไม่ใช่แพทย์ ?
A : ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รู้ถึงกายวิภาคของใบหน้า และทราบสาเหตุความหย่อนคล้อยในหน้าคนไข้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถออกแบบแนวการยิง ปรับค่าพลังงาน ตั้งค่าชอตที่เหมาะสมได้ อีกทั้งต้องรู้ด้วยว่าเส้นเลือด เส้นประสาทที่สำคัญอยู่ตรงไหนบ้าง จึงเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ยิงโดนเส้นประสาทแล้วปากเบี้ยวได้
การที่จะให้พนักงานที่ไม่ใช่แพทย์เป็นผู้ทำHIFU เราจะมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยว่าจะไม่เผลอไปยิงโดนเส้นประสาท และยิงจนเกิดผิวไหม้ได้อย่างไร
และยิ่งถ้าใช้เครื่องที่ไม่ได้คุณภาพด้วยแล้ว การทำครั้งนั้นก้แทบไม่มีประโยชน์ใดๆเลย และยังเสี่ยงเกิดผิวไหม้ ปากเบี้ยว อีกด้วย
*เกร็ดความรู้ จะมั่นใจได้ยังไงว่าคนที่ทำเป็นแพทย์จริงๆ ดูใบว. ที่แปะอยู่หน้าห้อง หรือ หน้าคลินิกได้เลยค่ะ
Q : หน้าแบบไหน ปัญหายังไง ที่เหมาะจะทำ HIFU ?
A : เหมาะสำหรับ คนที่รู้สึกว่าหน้าไม่กระชับ รู้สึกผิวดูหย่อนๆ ไม่แน่น ไม่เฟิร์ม
มีเหนียง กรอบหน้าไม่ชัด ถ่ายรูปแล้วไม่เห็นกรอบหน้า ใบหน้าหย่อนคล้อย ซึ่ง HIFU สามารถช่วยยกกระชับใบหน้าได้ ทั้งร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก กรอบหน้า กระเปาะข้างมุมปากรวมถึงผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อยและหนังตาที่หย่อน หางคิ้วตก ก็ช่วยแก้ได้เช่นกันค่ะ
Q : ต้องอายุเท่าไร ถึงทำได้ สูงอายุทำได้ไหม?
A : ได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ ไม่มีข้อห้ามเลยค่ะ HIFU ค่อนข้างปลอดภัยมากในกรณีที่ทำโดยแพทย์และเครื่องที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเสมอนะคะ
Q : HIFU เจ็บไหม?
A : บางเครื่องเจ็บมาก แม้จะทายาชาแล้วก็ยังรู้สึกเจ็บ บางเครื่องไม่เจ็บ แต่ เครื่องที่ Real Clinic ไม่เจ็บ ไม่ต้องทายาชาก่อนทำ จะรู้สึกแค่จี๊ดๆใต้ผิวนิดหน่อย และเมื่อยๆหน้าเล็กน้อย
Q : ทำทีอยู่ได้นานแค่ไหน ?
A : 6-12 เดือน แล้วแต่รุ่น แล้วแต่เครื่อง และสภาพผิวพื้นฐานของคนไข้ค่ะ
Q. บริเวณที่ทำได้
ใต้ตา-หน้าผาก (1.5–2 มม.)
แก้ม-กรอบหน้า-ใต้คาง (3–4.5 มม.)
หน้าท้อง / ต้นแขน / ต้นขา (6–13 มม.)
Q. เหมาะกับใคร
ผิวหย่อนระดับ mild-moderate (Fitzpatrick I-V)
เคยทำ HIFU เดิมแล้วยกไม่พอ
ต้องการยกกระชับพร้อมสลายไขมันในคอร์สเดียว
แพ้ง่าย ไม่อยากให้ชั้นหนังกำพร้าไหม้หรือฟกช้ำ
คนที่เคยทำ HIFU แล้วหน้าไม่เนียน
คนที่มีปัญหาทั้งความหย่อน + ผิวขาดน้ำ + รูขุมขนกว้าง
คนที่อยากดูแลทั้ง “ยก – แน่น – ละเอียด” ในรอบเดียว
คนผิวบาง แต่อยากได้พลังงานแบบลึกและตื้นพร้อมกัน โดยไม่ต้องทำซ้ำหลายรอบ
Q. คำแนะนำหลังทำ
ทากันแดด SPF 50 + งดซาวน่า/อบไอน้ำ 24 ชม.
ดื่มน้ำ ≥ 2 ลิตร ช่วย GAG re-hydration
แต่งหน้า กลับไปทำงาน ได้ทันที—ไม่มี downtime
Q. เมื่อไรเห็นผล
หลังทำทันที: SMAS หดตัวเล็กน้อย เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น
4–8 สัปดาห์: คอลลาเจนใหม่ขึ้น ผิวตึง-ละเอียด
3–6 เดือน: ผิวพีคที่สุด แล้วคงผล ~12 เดือน
Q. ควรทำซ้ำบ่อยแค่ไหน
สำหรับใบหน้า: ทุก 3-6 เดือน เพื่อรักษาคอลลาเจน
สำหรับ Body contour: ปีละ 2-3 ครั้ง หากต้องการลดไขมัน-กระชับผิวต่อเนื่อง
Q. ทำไมคนไข้จึงบอกว่า “ไม่เจ็บ”
RF อุ่นผิวก่อน เพิ่ม pain-threshold ของเส้นประสาท C-fiber
Pulse-width MFU ยาวขึ้น ลด micro-cavitation shock จึงรู้สึกสบายกว่า HIFU รุ่นแรก ๆ
Q. บริเวณที่ทำได้
ใต้ตา-หน้าผาก (1.5–2 มม.)
แก้ม-กรอบหน้า-ใต้คาง (3–4.5 มม.)
หน้าท้อง / ต้นแขน / ต้นขา (6–13 มม.)