ศัลยกรรมหลุมสิว คืออะไร มีกี่วิธี ของ Dr.Ramita Real Clinic รักษาแบบไหน พิเศษอย่างไร

Last updated: 6 ก.ค. 2566  |  360 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ศัลยกรรมหลุมสิว คืออะไร มีกี่วิธี ของ Dr.Ramita Real Clinic รักษาแบบไหน พิเศษอย่างไร

*การรักษาหลุมสิว

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้นมีหลายวิธีด้วยกันโดยหมอจะขอแบ่งเป็นกลุ่มการรักษาเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้

สารบัญ

 

1.กลุ่ม Resurfacing เรียกง่ายๆก็คือการกรอผิวให้เนียนขึ้นนั่นเองในกลุ่มนี้ก็ได้แก่

  • Dermabrasion/Microdermabrasion คือการใช้เครื่องมือกรอผิวหนังชั้นบนให้เรียบเนียนเสมอกันมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่มี Aluminum oxide หรือแกล็ดอัญมณี มากรอผิวชั้นบนและขัดออก เพื่อให้เกิดกระวนการ reepithelialisation

  • Chemical peeling คือการใช้สารเคมีมาผลัดผิวเก่าด้านบนออกไป และช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาแทน เช่น การใช้กรด Glycolic Acid, Jessner’s Solution, Pyruvic acid, Salicylic acid, TCA peeling, TCA CROSS(Chemical reconstruction of skin scar method) ในความเข้มข้นที่สูงกว่าที่ผสมในครีมเครื่องสำอางทั่วไปมาจี้ตามจุดหลุมสิวหรือทาให้ทั่วใบหน้าโดยต้องทำหลายครั้งและสม่ำเสมอ

  • Laser resurfacing ก็คือการใช้เลเซอร์ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะชนิดที่เรียกว่า Fractional Laser หรือที่เราเห็นหลังทำแล้วผิวหน้าเป็นสะเก็ดตารางๆ นั่นเอง ซึ่งในท้องตลาดก็มีชื่อเรียกต่าง ๆกันไป ขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดพลังงาน เช่น ถ้าเป็นคลื่นวิทยุ (RF, Radiofrequency) ก็เช่นเครื่อง E-matrix, Venus Viva, Fractora, Infini, Geneus, Vivance กลุ่มนี้มีผลพลอยได้เรื่องยกกระชับผิวได้ด้วย หรือถ้าเป็น erbium lasers ถ้าเป็นกลุ่ม Photothermolysis ก็เช่น Fraxel เป็นต้น โดยเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาหลุมสิวดีขึ้นมากที่สุดในกลุ่ม กลับเป็นชนิด Ablative laser คือเป็นเลเซอร์ลอกผิวที่มีความรุนแรงต่อผิวมาก เช่น Ablative Fractional CO2 10600 nm, Fractional 2940 nm Erbium:YAG แม้จะได้ผลที่ดีขึ้นมากถึง 50-80% แต่ต้องแลกมาด้วยผลข้างเคียงเป็นรอยแดงรอยดำที่หน้า(ซึ่งอาจทิ้งรอยดำนานเป็นเดือนๆ หรือเกิดฝ้าขึ้นมาแทน) และมักพบอาการบวม แดง รอยแผลถลอกหลังทำ ที่ต้องพักฟื้นหน้านาน รวมถึงการสมานผิวที่ต้องใช้เวลานานกว่ามาก จึงไม่ได้รับความนิยม และไม่เหมาะกับผิวคนเอเชีย

  • และอีกเทคโนโลยีเลเซอร์ใหม่ล่าสุด Picosecond laser ที่ปล่อยพลังงานในช่วงที่สั้นและสูงมาก จึงทำลายเม็ดสีได้ดีมาก และมีการพัฒนาเลนส์พิเศษหัว Fractional ที่ทำให้เกิด LIOB(Laser-induceed optical breakdown) คือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นหนังแท้ และกรอผิวด้านบนให้เรียบเนียน ซึ่งข้อดีของเทคโลโลยีนี้คือ ไม่ค่อยทิ้งรอยดำ PIH แต่อย่างไรก็ตาม หลังทำเลเซอร์ทุกชนิดต้องคอยหลบแดดเช่นกัน
การรักษาเหล่านี้มีหลักการเดียวกันคือทำให้เกิดบาดแผลขึ้นที่ผิวหนังแล้วหวังผลให้ผิวหนังซ่อมแซมตัวเองสร้างคอลลาเจนเนื้อเยื่อใหม่ได้ผิวที่เรียบเนียนขึ้น

ในคนไข้บางรายที่ทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้ง แต่ยังรู้สึกไม่เห็นผล อาจเกิดจากมีพังผืดยึดเกาะใต้ผิวมาก หรือบางครั้งเมื่ออายุผิวมากขึ้น คุณภาพผิวเราไม่ดีแล้ว การสร้างใหม่จึงไม่ดีด้วย ทำให้ผิวบางลง ยิ่งทำเลเซอร์บ่อย โดยไม่ได้ทำการฟื้นบำรุงผิวร่วมด้วย ผิวยิ่งบาง หน้ายิ่งแดงง่าย เห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆใต้ผิว แสบหน้า ผิวแพ้ง่าย และผิวหน้าดำคล้ำลงได้ง่าย แม้เวลาถูกแดดเพียงเล็กน้อยก็ตาม

2.กลุ่มการศัลยกรรมตัดผังผืด
  • Fibrous Scar Surgery และ Subcision คือใช้เข็มคมขนาดใหญ่ หรือ เข็มชนิดพิเศษที่มีปลายมีด มาตัดเลาะพังผืดใต้ผิว เป็นวิธีพื้นฐานที่มักทำควบคู่กับวิธีอื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วิธีนี้อาจมีรอยเขียวช้ำ ห้อเลือดตามมาได้ และหากทำโดยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องแล้วอาจทำให้เกิดผังผืดใหม่ที่มากขึ้นได้เช่นกัน ปัจจุบันจึงได้มีการศึกษาเทคนิคการตัดผังผืดด้วยเครื่องมืออื่นๆ เช่น เข็มปลายทู่ชนิดพิเศษ, การใช้ก๊าซCO2, การใช้พลังงานลม Air Dissector, คลื่นวิทยุRF มาประยุกต์ใช้ในการทำ Subcision แทนการใช้เข็มคมแบบดั้งเดิม เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็มคมหรือปลายมีด มีการศึกษาวิจัย พบว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้เช่นกัน
  • Punch Technique ได้แก่ Punch excision, Punch elevation, Punch grafting เป็นการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อตรงที่เป็นหลุมสิวออกไป แล้วเย็บปิดแผล หรือใช้เนื้อผิวบริเวณอื่นมาปลูกถ่ายลงบริเวณที่โดนตัดออก เป็นการเปลี่ยนชนิดแผลเป็นจากแบบหลุมเป็นแบบเส้น แล้วใช้ Laser resurfacing ช่วยลดรอยแผลใหม่อีกที วิธีนี้ดูเหมือนเป็นการรักษาที่ตัดต้นตอของหลุมสิวออกไปได้มากที่สุด แต่มีข้อจำกัดในด้านการดูแลรักษา การหายของแผล การติด/สมานแผลของผิวที่นำมาปลูกถ่าย และเสี่ยงเกิดรอยแผลเป็นชนิดใหม่ตามมาได้เช่นกัน จึงไม่ใช่วิธีแรกที่ถูกพิจารณาในการเลือกรักษา
3.กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็ม (Skin needling)

เช่น Dermaroller, Dermapen, Derma stamp, Dermafix, เลเซอร์ Microneedle   กลุ่มนี้ใช้หลักการทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บด้วยเข็มขนาดเล็ก เพื่อให้ร่างกายเกิดกระบวนการรักษาบาดแผลขึ้นมา จึงมีการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาซ่อมแซมผิวด้วย ในกลุ่มนี้ต้องระวังการทำลูกกลิ้ง Dermaroller ที่ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าไม่ได้ช่วยให้หลุมสิวดีขึ้น แต่ยังทำให้เกิดบาดแผลที่ผิวชั้นบนมากยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มาก

ประโยชน์ของ Microneedling?
กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็มขนาดเล็ก microneedling สามารถช่วยแก้ไขหลุมสิวได้ในระดับตื้นถึงปานกลางเท่านั้น ข้อดีคือสามารถช่วยผลัดผิวชั้นบน ใช้ร่วมกับการผลักดันตัวยาหรือ PRP ได้ดี และไม่ค่อยมีผลข้างเคียงเรื่องรอยดำหลังทำเลเซอร์ ไม่ต้องพักฟื้นผิวหน้าหลังทำ   แต่อย่างไรก็ตามหากเทียบประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน(เทียบเฉพาะเครื่องมือ ไม่รวมตัวยาที่ใช้) การทำ Fractional Laser ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า


4.กลุ่มสารเติมเต็มและยกกระชับ

  • การฉีดไขมันเติมเต็ม (Autologous Fat Transfer) มีข้อดีตรงที่เป็นไขมันของคนไข้เอง ไม่เกิดปฏิกิริยาการแพ้ แต่ข้อเสียคือไม่สามารถคาดการณ์อัตราการติดของไขมันได้ หรือหากเติมมากเกินไปอาจกลายเป็นก้อนนูนไม่เรียบแทน จึงไม่เป็นที่นิยมในการใช้รักษาหลุมสิว

  • การใช้สารเติมเต็มหลุมสิว (Acne Scar Dermal Filler) วิธีนี้ได้รับความนิยมมากในระดับสากล เนื่องจากเห็นผลไว downtimeน้อย มักใช้เป็นcombinationร่วมกับวิธีอื่น เพื่อให้ผลลัพธืที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน และให้ผลที่ยาวนาน ในปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมสารเติมเต็มขึ้นมาหลายชนิด ไม่เพียงเพื่อเติมเต็มเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีมากอีกด้วย โดยในส่วนของการแก้ปัญหาหลุมสิวนี้ จะต้องอาศัยสารที่มีคุณสมบัติเป็น Collagen Stimulating Filler เป็นหลัก ฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ PLLA, Calcium hydroxyapatite, PMMA, Low molecular weight and High molecular weight HA, PCL แต่สารเติมเต็มหลายตัวในกลุ่มนี้ยังไม่ผ่านการรับรองจาก อย.ของไทย
ส่วนสารเติมเต็ม ที่มีใช้อย่างแพร่หลายและได้รับการรับรองจากอย.ของไทย คือ ชนิด Hyaluronic acid หรือ HA Filler กลุ่มนี้มีคุณสมบัติหลักๆในการเพิ่ม Volume และบางรุ่นที่เป็น Skin booster ก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เช่นกัน จากกลไกของ Fibroblast stretching ซึ่งวิธีการคือใช้ HA Filler มาฉีดเติมเข้าไปที่ก้นหลุมให้เนื้อผิวฟูเต็มขึ้นมาโดยตรงด้วยเทคนิคการฉีดแบบต่างๆ วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวชนิด rolling scar ที่มีปากแผลกว้าง ขอบสโลปและก้นแผลตื้น โดยต้องมีการตัดเซาะผังผืดใต้แผลร่วมด้วย จึงจะได้ผลดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดเป็นหลัก หลังเติมจะเห็นผลชัดเจนทันที   และอีกเทคนิคหนึ่งของการใช้ฟิลเลอร์มาช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นทางอ้อม ด้วยเทคนิค Filler Lifting and Volumizing คือการใช้ฟิลเลอร์มายกกระชับและเติมเต็มบริเวณผิวข้างเคียงหลุมสิวทำให้หลุมสิวถูกตรึงให้ตื้นขึ้นเทคนิคนี้นอกจากช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นแล้วยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนวัยสดใสขึ้นได้อีกด้วยค่ะ

ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์หลุมสิว จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเลยทันทีกว่า 50% อยู่ได้นานประมาณ 1 ปีในกรณีของ HA Filler และ 2-5 ปีขึ้นไปในกรณีของกลุ่ม PLLA และ PMMA    โดยในระหว่างที่ฟิลเลอร์ยังอยู่ใต้ผิวเราจะช่วยบำรุงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีลาสตินใหม่ที่แข็งแรงขึ้นแม้ว่าเวลาผ่านไปแล้วฟิลเลอร์จะสลายหมดผิวตรงหลุมสิวก็จะยังคงดีกว่าตอนก่อนฉีดค่ะ


" การรักษารอยแผลเป็น'หลุมสิว' เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ทางการแพทย์ และเป็นอีกหนึ่งการรักษาที่หมอมีความถนัดชำนาญ และชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ เนื่องจากหมอก็เป็นคนที่มีปัญหาหลุมสิวด้วยเช่นเดียวกัน หมอจึงศึกษาและติดตามอัพเดทการรักษาหลุมสิวมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเรียนแพทย์ทั่วไป เรียนแพทย์ต่อยอดด้านผิวหนัง มาจนถึงปัจจุบัน โดยเทคนิคเฉพาะตัวที่หมอถนัดและเชี่ยวชาญ จะเป็นกลุ่มการรักษาด้วยหัตถการแพทย์เป็นหลัก และใช้เลเซอร์เป็นเพียงส่วนเสริมเก็บรายละเอียดเท่านั้น


โปรแกรมการรักษาหลุมสิวของหมอ มีชื่อว่า Real Scar Synergy ( RSS )
Real Scar Synergy ( RSS )คืออะไร ?

  • เป็นโปรแกรมรักษาหลุมสิว ที่ศึกษามาจากอาจารย์แพทย์ชาวเกาหลี และเสริมเพิ่มเติมด้วยหัตถการเทคนิคเฉพาะโดยคุณหมอรมิตา
  • เป็นการทำหัตถรักษาหลุมสิวเพื่อให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อของเราเอง
  • ประกอบด้วย หัตถการหลัก คือการฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ แล้วฉีดตัวยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อเข้าไป ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี
  • ตามด้วยหัตถการพิเศษ เทคนิคเฉพาะของ Dr. Ramita ที่คิดค้นขึ้นเพื่อปรับใช้กับคนไทย ทั้งนี้หัตถการที่ทำจะขึ้นอยู่กับประเภทหลุมสิวบนใบหน้า
  • นอกจากนี้ยังเสริมด้วยหัตถการอื่นๆตามหลักการ 
  • - Specific Scar Revision คือการรักษาตามลักษณะของหลุมสิวที่เป็นแต่ละจุดโดยละเอียด โดยใช้วิธีการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละรอยหลุมสิว ไม่ใช่การรักษาเหมือนกันในทุกๆคนแบบ one size fit all เนื่องจากหลุมสิวมีหลายลักษณะ และพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน 
  • - Multimodality Approach หลักการสำคัญคือต้องใช้หลากหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ครอบคลุมปัญหาได้มากที่สุด เพราะบนใบหน้าเรามีหลุมสิวหลายแบบ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอจึงไม่ใช้แค่วิธีการรักษาเดียว รักษาหลุมสิวทุกแบบบนใบหน้า ดังนั้นการรักษาหลุมสิวจึงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือเครื่องเดียวแล้วรักษาเคสหลุมสิวแบบเดียวกันกับทุกคน

ผลลัพธ์ที่ได้ หลังทำเพียงครั้งเดียว



จุดเด่นที่เหนือกว่าวิธีอื่น

  • เป็นเทคนิคการรักษาและตัวยาเดียวกันกับที่เกาหลี ผสมผสานกับวิธีมาตรฐานสากลแบบ Non-Energy Based Acne Scar Revision
  • เป็นวิธีการแก้หลุมสิว ที่ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ (Skin Regeneration) ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยตัวเอง จึงให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
  • ผลพลอยได้ ช่วยลดการอักเสบของผิว ผิวหนาแข็งแรงขึ้น ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอยตื้นๆ ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส ฉ่ำวาว
  • ไม่ต้องทำบ่อย เห็นผลดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • ไม่เป็นสะเก็ดตาราง ไม่ต้องพักหน้า ผิวไม่บาง

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่รักษามาหลายวิธีแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้น
  • ผู้ที่ทำเลเซอร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเห็นผล
  • ผู้ที่ไม่สามารถพักหน้าหลังทำเลเซอร์ได้
  • ผู้ที่ผิวบาง ระคายเคืองง่าย มีเส้นเลือดฝอยที่หน้า เป็นฝ้า มีข้อจำกัดในการทำเลเซอร์ลอกผิว
  • ผู้ที่ไม่มีเวลาในการดูแลรักษามาก แต่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • ผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเพิ่มเติม หลังจากทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้งแล้ว


ขั้นตอนการทำ
คุณหมอจะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของใบหน้าโดยรวม และปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นอย่างละเอียด ตามด้วยระบุประเภทหลุมสิวแต่ละจุด ทีละจุดบนใบหน้า ประเมินลักษณะผังผืด และประเมินสภาพพื้นฐานผิวของคนไข้ได้อย่างถี่ถ้วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นวางแผนการรักษาที่สำคัญมาก

เมื่อประเมินลักษณะปัญหาหลุมสิวของคนไข้ได้อย่างละเอียดดีแล้ว จึงค่อยวางแผนเลือกใช้วิธีการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้เฉพาะบุคคล หมอจึงต้องคอยปรับแต่งแผนการรักษาโดยตลอดให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน

  • ปรึกษาวิเคราะห์ปัญหา วางแผนการรักษาร่วมกัน 15-30 นาที
  • ก่อนทำจะมีการแปะยาชา 45-60 นาที
  • หัตถการหลัก ฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ แล้วฉีดตัวยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อเข้าไป ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี 20-30 นาที
  • หัตถการพิเศษเทคนิคเฉพาะของ Dr. Ramita ประมาณ 15-20 นาที (หลายหัตถการร่วมกัน)
  • ฉีดตัวยา กลุ่ม Skin Regeneration ตัวยาขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละรายบุคคล
  • ลงเซรั่ม Biorepair ช่วยฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน สูตรเฉพาะ Real Clinic (ให้กลับบ้านด้วย) 

*หัตถการหลัก " เทคนิคจากเกาหลี "

  • การทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเองโดยการ ฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่
  • Skin Regeneration Agents* การฉีดสารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง มีหลายชนิดตามดุลยพินิจแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Polynucleotides PN, PDRN, Peptides, Exosome


 **หัตถาการพิเศษเทคนิคเฉพาะของหมอรมิตาที่แพทย์จะเลือกใช้
" ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแพทย์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล "

  • Surgical Subcision ตัดเซาะผังผืดด้วยเข็มชนิดพิเศษ เทคนิคเฉพาะตัว จึงสามารถตัดผังผืดได้อย่างทั่วถึงตรงจุดแบบ Multilevel โดยไม่มีรอยช้ำห้อเลือด แบบการตัดผังผืดด้วยเข็มคมเทคนิคเดิมๆ
    ในบางเคสที่เนื้อเยื่อที่ฝ่อยุบตัวอย่างรุนแรง จนการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองสร้างขึ้นมาไม่ทัน ต้องอาศัยการฉีด สารเติมเต็ม Filler เพื่อเข้าไปทดแทน และเป็นบัฟเฟอร์กันชนไม่ให้พังผืดที่ตัดไปแล้ว กลับมารวมตัวกันอีก
  • Air dissector เป็นการใช้ก๊าซตัดพังผืดชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง และช่วยลดอาการบวมช้ำ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • Collagen Induction Therapy (CIT Dermafix) เป็นการรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยผลัดผิวชั้นบน และผลักตัวยาสำคัญให้เข้าถึงทั่วทุกบริเวณอย่างล้ำลึก 
  • Chemical Reconstruction คือการใช้สารเคมีทางการแพทย์มาช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาจากก้นหลุมแบบโดยเฉพาะทีละจุด โดย TCA
  • CROSS/Paint Technique ด้วยความเข้มข้นและเทคนิคที่เหมาะสมตามแต่ผิวคนไข้แต่ละราย
*กลุ่มตัวยาสำคัญที่หมอจะเลือกใช้ : Polynucleotides,Exosome, Growth Factor, กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Peptides 
ซึ่งในแต่ละกลุ่มตัวยา ก็จะจำแนกตัวยาไปอีกหลายตัวเลยค่ะ ทั้งนี้การเลือกใช้ตัวยาไหนขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจแพทย์และปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล ซึ่งเป็นการรวบรวมตัวยาสำคัญหลายชนิด แบบ Combination Therapy ควบคู่กับการทำหัตถการแพทย์ เพื่อช่วยเรียกเนื้อหลุมสิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ให้มาเติมเต็มรอยยุบได้อย่างถาวร กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน สว่างใสฉ่ำวาวยิ่งขึ้น ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น


Real Scar Synergy (RSS) รักษาอะไรได้บ้าง
  • รอยแผลเป็นหลุมสิว
  • รอยแผลเป็นอีสุกอีใส
  • รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ
  • ริ้วรอยต่างๆ หน้าผาก หว่างคิ้ว ตีนกา ร่องแก้มร่องน้ำหมาก


ข้อจำกัดการรักษา

  • ไม่ได้ทำให้ผิวเรียบเนียนกริบ 100% เสมือนผิวที่ไม่เคยมีแผลเป็นหรือริ้วรอยมาก่อน
  • แม้ผังผืดจะถูกตัดให้แยกออกจากกัน แต่เนื่อเยื่อแผลเป็นยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกตัดออกไปนอกร่างกายเลย จึงมีโอกาสกลับมาจับตัวเป็นหลุมได้อีก โดยเฉพาะถ้ามีการเกิดสิวใหม่
  • หลุมสิวแบบจิกลึก ขอบคมชัด อาจเห็นผลไม่มากในครั้งแรก แต่คุณภาพผิวโดยรวมจะดูดีและแข็งแรงขึ้น
  • ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก มักยังมีอาการบวมจากการทำหัตถการ อาจทำให้หลุมดูตื้นขึ้นเกินเนื้อจริงได้

ข้อควรระวังหลังการรักษา

  • หลังทำจะมีรอยแดงจากเข็ม และตุ่มแดงเหมือนยุงกัด วันรุ่งขึ้นจะค่อยๆจางลง ไม่มีแผลตารางตกสะเก็ด
  • หลังทำหัตถการ 24 ชั่วโมง สามารถแกะผ่าก๊อซที่ปิดแผลไว้ได้ และสามารถล้างหน้า/แต่งหน้า/ทาแป้งได้ตามปกติ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 5 วัน
  • หลังการรักษา 2 วัน ควรงดการออกกำลังกาย อบซาวน่า แช่ออนเซน
  • ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการบวม ทำให้ดูตื้นขึ้นเกินเนื้อจริง
  • ควรระวังไม่ใช้มือกดผิวบริเวณที่ทำการรักษา และไม่กดผิวแรงๆบริเวณนั้น
  • งดการโดนน้ำบริเวณที่ทำการรักษาจนกว่าจะแกะผ้าก็อซออก

Powered by MakeWebEasy.com