หลุมสิวคืออะไร? ทำไมบางคนเป็น บางคนไม่เป็น และเราจะป้องกันได้ไหม : เล่าโดยคุณหมอรมิตา

Last updated: 11 พ.ค. 2568  |  248 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หลุมสิวคืออะไร? ทำไมบางคนเป็น บางคนไม่เป็น และเราจะป้องกันได้ไหม : เล่าโดยคุณหมอรมิตา

หลุมสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? | อธิบายโดยคุณหมอรมิตา

หนึ่งในคำถามที่หมอมักเจอบ่อยที่สุดจากคนไข้ก็คือ “ทำไมสิวบางเม็ดหายแล้วถึงทิ้งรอยหลุมไว้?” คำตอบคือ หลุมสิวไม่ได้เกิดจากสิวเพียงอย่างเดียวค่ะ แต่มันเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการหลายขั้นตอน ทั้งการอักเสบ การซ่อมแซมผิว และการยุบตัวของคอลลาเจนที่ผิดพลาด ซึ่งจะเกิดหรือไม่เกิด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกร่างกายของแต่ละคน


ถ้าคุณเคยมีคำถามแบบนี้ในใจ บทความนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังแบบครบถ้วนเลยค่ะ ว่า หลุมสิวจริงๆ แล้วคืออะไร เกิดจากอะไร ทำไมบางคนเป็น บางคนไม่เป็น และเราจะป้องกันไม่ให้มันเกิดตั้งแต่แรกได้หรือไม่

1. สิวอักเสบ คือจุดเริ่มต้นของการทำลาย
เมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมันผิวส่วนเกิน (sebum) เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย P. acnes ร่างกายจะส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวไปกำจัดเชื้อโรค จนเกิดเป็นการอักเสบ
หากการอักเสบนี้รุนแรงหรือยืดเยื้อ จะทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อรอบข้างลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ (dermis) ซึ่งเป็นส่วนที่มีคอลลาเจนและโครงสร้างผิว ถ้าอักเสบมากพอ เซลล์ที่ควรจะมาช่วยซ่อมแซมกลับกลายเป็นทำลายเนื้อเยื่อเดิมไปด้วย ทำให้การสมานผิวไม่สมบูรณ์ ผิวที่ควรจะเรียบกลายเป็นรอยยุบที่เราเรียกกันว่า “หลุมสิว”


2. กระบวนการซ่อมแซมของร่างกาย (แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะสมบูรณ์)
หลังจากการอักเสบสงบลง ร่างกายจะเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง โดยส่งสัญญาณให้ fibroblast สร้างคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนบริเวณที่เสียหาย
แต่ในบางครั้งร่างกายซ่อมแซมผิดจังหวะ หรือสร้างคอลลาเจนได้น้อยเกินไป ทำให้เกิดการยุบตัวของเนื้อเยื่อ หรือที่เราเห็นเป็น "หลุมสิว"
บางกรณีกลับซ่อมแซมเกินไป ทำให้เกิดเป็นแผลนูน (hypertrophic scar) แทน

3. การเกิดพังผืด และการยึดรั้งผิว
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ พังผืด (fibrosis) ที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อปิดผิวที่บาดเจ็บ โดยพังผืดเหล่านี้จะยึดติดระหว่างผิวชั้นบนกับชั้นล่าง ทำให้ผิวยุบลงถาวร เหมือนมีเชือกดึงผิวไว้ไม่ให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม

การตัดพังผืดในหลุมสิวลึกๆ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาแบบ Subcision หรือเทคนิคขั้นสูงอย่าง Real Scar Synergy ที่หมอใช้

4. ปัจจัยที่ทำให้บางคนเกิดหลุมสิวง่ายกว่าคนอื่น

  • ความรุนแรงของการอักเสบ สิวที่ลุกลามเร็ว ปล่อยไว้นาน หรือไม่ได้รักษาอย่างเหมาะสม มักทำลายผิวลึกกว่า และมีโอกาสเกิดหลุมสูงมาก
  • พันธุกรรม บางคนมีการซ่อมแซมคอลลาเจนได้ดี แม้สิวอักเสบก็ไม่เป็นหลุม บางคนแค่สิวหัวแดงนิดเดียว แต่ผิวฟื้นตัวยาก กลายเป็นหลุมได้ง่าย
  • ฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกันในคนที่มีฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงกว่าปกติ เช่น วัยรุ่น หรือในผู้หญิงบางช่วงก่อนประจำเดือน ฮอร์โมนจะกระตุ้นต่อมไขมันมากขึ้น ทำให้เกิดสิวที่อักเสบรุนแรงและยาวนาน
  • อายุและการซ่อมแซมผิว คนที่อายุมากขึ้นจะมีคอลลาเจนน้อยลง ผิวซ่อมแซมช้าลง หลุมจะเกิดง่ายขึ้น และเห็นชัดขึ้นแม้หลุมตื้นๆ
  • พฤติกรรมของเราเอง เช่น การบีบสิวเอง, การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงเกินไป, หรือการละเลยไม่ดูแลผิวอย่างเหมาะสมในช่วงที่มีสิวอักเสบ

5. การใช้ชีวิตที่ส่งผลให้หลุมสิวรุนแรงขึ้น

  • การกินอาหารน้ำตาลสูง หรือนมวัว (กระตุ้น IGF-1 ให้สิวอักเสบแรงขึ้น)
  • การพักผ่อนไม่พอ เครียดสะสม (ส่งผลต่อฮอร์โมน cortisol ที่ทำลายผิว)
  • การใช้ยาหรือสกินแคร์ที่ระคายเคืองซ้ำซ้อน
6. จะป้องกันหลุมสิวได้อย่างไร?
  • รีบรักษาสิวทันทีที่เริ่มมีอาการอักเสบ อย่ารอให้มันลุกลาม ยิ่งปล่อยไว้นาน โอกาสกลายเป็นหลุมยิ่งเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
  • ไม่บีบ ไม่แกะ ไม่กดเองเด็ดขาด กดสิวเองไม่ได้ช่วยให้หายเร็ว มีแต่จะทำให้สิวติดเชื้อลึกกว่าเดิม แถมเสี่ยงทิ้งทั้งหลุมและรอยแดง
  • บำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ ผิวที่ชุ่มชื้น ไม่อักเสบง่าย จะฟื้นฟูตัวเองได้ดีกว่า หมอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี niacinamide, centella, zinc หรือ ceramide เสริม
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด UV ทำให้การซ่อมแซมผิวแย่ลง รอยหลุมดูเข้ม และอาจกลายเป็นหลุมลึกถาวร
7. ถ้ามีหลุมสิวแล้ว ต้องทำอย่างไร?
หลุมสิวเป็นแผลเป็นถาวรที่ไม่สามารถหายเองได้ จึงต้องอาศัยการรักษาที่ซับซ้อน เช่น:
Program Real Scar Synergy (RSS) เทคนิคเฉพาะที่ผสานการตัดพังผืด + กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน + เสริมการซ่อมแซมผิว
Program Real Juvgen ทคนิคกระตุ้นผิวลึกโดยไม่ทำลายผิวหน้า เหมาะสำหรับหลุมสิวระดับปานกลางถึงลึก
Biostimulator เสริมหลังทำหัตถการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างผิวใหม่


หลุมสิวมีกี่แบบ? รักษาต่างกันไหม?
หมอจะอธิบายง่ายๆ นะคะ ว่าหลุมสิวมี 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละแบบต้องใช้วิธีรักษาไม่เหมือนกัน

1. Ice Pick Scar
เป็นหลุมแคบแต่ลึก คล้ายรูเข็มเจาะลงไปในผิว มักเกิดจากสิวหัวช้างหรือซีสต์ที่ลึกมาก
วิธีรักษา: ต้องใช้เทคนิคเฉพาะ เช่น TCA CROSS หรือ punch excision

2. Boxcar Scar
เป็นหลุมกว้าง ขอบชัด เหมือนรูเหลี่ยม มักอยู่ที่แก้มสองข้าง
วิธีรักษา: เลเซอร์พลังงานสูง เช่น Fractional CO2 ร่วมกับ Subcision

3. Rolling Scar
เป็นหลุมที่ดูเหมือนคลื่นผิว ไม่ลึกแต่กินพื้นที่กว้าง มักเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง
วิธีรักษา: Subcision (การตัดพังผืดใต้ผิว) ร่วมกับการกระตุ้นคอลลาเจน

> ที่ Real Clinic เรามักออกแบบการรักษาแบบ “ผสมผสาน” (Real Scar Synergy) เพื่อจัดการหลุมทุกประเภทในเวลาเดียวกัน เพราะคนไข้หนึ่งคนมักไม่ได้มีแค่หลุมประเภทเดียว


สรุปจากคุณหมอรมิตา
หลุมสิวไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น “ทันที” แต่คือผลลัพธ์ของ “กระบวนการอักเสบที่ไม่ได้รับการดูแล”
ไม่ว่าจะเป็นจากพันธุกรรม อายุ หรือพฤติกรรมของเราเอง

หลุมสิวไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความงาม แต่เป็นเรื่องของสุขภาพผิวและคุณภาพชีวิต หากเข้าใจที่มาของมันอย่างแท้จริง จะสามารถเลือกแนวทางป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม

หากคุณมีปัญหาหลุมสิวและกำลังมองหาทางรักษาที่ตรงจุด หมอรมิตาพร้อมดูแลอย่างมืออาชีพและจริงใจค่ะ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้