Last updated: 28 มิ.ย. 2568 | 1042 จำนวนผู้เข้าชม |
หลุมสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? | อธิบายโดยคุณหมอรมิตา
หนึ่งในคำถามที่หมอมักเจอบ่อยที่สุดจากคนไข้ก็คือ “ทำไมสิวบางเม็ดหายแล้วถึงทิ้งรอยหลุมไว้?” คำตอบคือ หลุมสิวไม่ได้เกิดจากสิวเพียงอย่างเดียวค่ะ แต่มันเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการหลายขั้นตอน ทั้งการอักเสบ การซ่อมแซมผิว และการยุบตัวของคอลลาเจนที่ผิดพลาด ซึ่งจะเกิดหรือไม่เกิด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกร่างกายของแต่ละคน
ถ้าคุณเคยมีคำถามแบบนี้ในใจ บทความนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังแบบครบถ้วนเลยค่ะ ว่า หลุมสิวจริงๆ แล้วคืออะไร เกิดจากอะไร ทำไมบางคนเป็น บางคนไม่เป็น และเราจะป้องกันไม่ให้มันเกิดตั้งแต่แรกได้หรือไม่
1. สิวอักเสบ คือจุดเริ่มต้นของการทำลาย
สิวทุกเม็ดเริ่มจาก “การอุดตัน” → ที่เกิดจาก sebum + keratinocyte ที่ผลัดตัวไม่สมดุล + P. acnes
- เมื่อ P. acnes ย่อยไขมัน → เกิดสารกระตุ้นการอักเสบ (pro-inflammatory cytokines) เช่น IL-1α, TNF-α ร่างกายจึงส่งเม็ดเลือดขาว neutrophils/macrophages มาจัดการ
- ปัญหาคือ: ในกระบวนการ “ช่วย” นั้น เม็ดเลือดขาวปล่อยเอนไซม์ที่ทำลายเนื้อเยื่อดีไปด้วย
ถ้าอักเสบแค่ผิวเผิน — ผิวซ่อมทัน
แต่ถ้าอักเสบลงลึกถึง dermis (ชั้นหนังแท้) → โครงสร้างผิวรวมถึงคอลลาเจนโดนทำลาย และตรงนี้แหละ ที่หลุมเริ่มก่อตัว
2. กระบวนการซ่อมแซมของร่างกาย (แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะสมบูรณ์)
กลไกการซ่อมแซม: ไม่ใช่ทุกคนจะได้ฟื้นแบบเดียวกัน
เมื่ออักเสบสงบ → Fibroblast จะถูกกระตุ้นให้สร้าง ECM (extracellular matrix) โดยเฉพาะ collagen type I และ III แต่ในบางคน กระบวนการซ่อมแซมเกิดในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความสมดุลของ growth factors เช่น TGF-β, PDGF, FGF ทำให้คอลลาเจนถูกสร้างน้อย หรือจัดเรียงผิดทิศทาง
ผลที่เกิดขึ้นคือ
คอลลาเจนใหม่ไม่พอ → เนื้อเยื่อยุบตัว
สร้างผิดแบบ → โครงสร้างผิวไม่เต็ม ผิดเพี้ยน → ผิวบุ๋มขรุขระ กลางหลุมเนื้อยุบ ขอบหลุมคมชัด
หรือบางราย: สร้างมากเกิน จัดเรียงไม่ดี → กลายเป็นแผลนูน (hypertrophic, keloid)
3. การเกิดพังผืด และการยึดรั้งผิว
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ พังผืด (fibrosis) พังผืดนี้เป็น collagen fiber ที่ร่างกายสร้างเพื่ออุดรูแผล แต่มัน “เชื่อม” ชั้นผิวบน (epidermis) เข้ากับชั้นล่าง (deep dermis/subcutaneous layer) เกิดเป็นเหมือน “เชือกลาก” ผิวไว้ นี่คือเหตุผลที่เลเซอร์อย่างเดียวอาจไม่พอ ต้อง “ตัดพังผืด” ถึงจะเห็นผล
การตัดพังผืดในหลุมสิวลึกๆ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาแบบ Subcision หรือเทคนิคขั้นสูงอย่าง Real Scar Synergy ที่หมอใช้
4. ปัจจัยที่ทำให้บางคนเกิดหลุมสิวง่ายกว่าคนอื่น
5. การใช้ชีวิตที่ส่งผลให้หลุมสิวรุนแรงขึ้น
หลุมสิวมีกี่แบบ? รักษาต่างกันไหม?
หมอจะอธิบายง่ายๆ นะคะ ว่าหลุมสิวมี 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละแบบต้องใช้วิธีรักษาไม่เหมือนกัน
1. Ice Pick Scar
เป็นหลุมแคบแต่ลึก คล้ายรูเข็มเจาะลงไปในผิว มักเกิดจากสิวหัวช้างหรือซีสต์ที่ลึกมาก
วิธีรักษา: ต้องใช้ TCA CROSS หรือ punch excision ร่วมกับเลเซอร์ และการฟื้นฟูกระตุ้นคอลลาเจน
2. Boxcar Scar
เป็นหลุมกว้าง ขอบชัด เหมือนรูเหลี่ยม มักอยู่ที่แก้มสองข้าง
วิธีรักษา: รักษาด้วยเลเซอร์เกลี่ยขอบ + subcision +การฟื้นฟูกระตุ้นคอลลาเจน
3. Rolling Scar
เป็นหลุมที่ดูเหมือนคลื่นผิว ไม่ลึกแต่กินพื้นที่กว้าง มักเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง
วิธีรักษา: Subcision ร่วมกับการกระตุ้นคอลลาเจน หากรุนแรงกินเนื้อลึก ต้องใช้สารเติมเต็มเพิ่มเติม
4.แบบอื่นๆที่ต้องวางแผนการรักษาเชิงลึกยิ่งขึ้น เช่น Polymorphic Scar, Tethered scar, Anchored scar, Fibrotic thickening skin
> คนไข้ส่วนใหญ่มีหลายประเภทผสมกัน จึงต้องใช้การรักษาแบบ “ผสมผสาน” นี่คือหลักการของ Real Scar Synergy
สรุปจากคุณหมอรมิตา
หลุมสิวไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น “ทันที” แต่คือผลลัพธ์ของ “กระบวนการอักเสบที่ไม่ได้รับการดูแล”
ไม่ว่าจะเป็นจากพันธุกรรม อายุ หรือพฤติกรรมของเราเอง
หลุมสิวไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความงาม แต่เป็นเรื่องของสุขภาพผิวและคุณภาพชีวิต หากเข้าใจที่มาของมันอย่างแท้จริง จะสามารถเลือกแนวทางป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม
หากคุณมีปัญหาหลุมสิวและกำลังมองหาทางรักษาที่ตรงจุด หมอรมิตาพร้อมดูแลอย่างมืออาชีพและจริงใจค่ะ