"ฟิลเลอร์หลุมสิว" ทางเลือกใหม่ของการรักษาหลุมสิว เพื่อผิวเรียบเนียนดีขึ้นทันทีหลังทำ

Last updated: 21 ก.ย. 2568  |  1195 จำนวนผู้เข้าชม  | 

รักษาหลุมสิว,ตัดพังผืด,รักษาหลุมสิว, วิธีรักษาหลุมสิว, Subcision, เติมฟิลเลอร์, Real Scar Synergy, รักษาหลุมสิวที่ไหนดี,Juvgen,acnescarsurgery,acnescarrevision,รักษาหลุมสิวให้ตื้น,เลเซอร์หลุมสิว, รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด,รักษาหลุมสิวให้หายขาด,หลุมสิว,realc

ฟิลเลอร์หลุมสิวคืออะไร ฟิลเลอร์อยู่ไม่นาน แล้วหลุมสิวจะกลับมาไหม? คำตอบจริงที่ควรรู้

คู่มือฉบับตำรา โดย คุณหมอรมิตา | อธิบายครบถ้วน ไม่ย่อ ไม่ข้าม: พยาธิกำเนิดของหลุมสิว, กลไก LiftBufferBiostimulation, เหตุผลที่ฟิลเลอร์สลายแต่ผลลัพธ์ยังคงอยู่, ทำไม Subcision + Filler จึงสำคัญ, อายุการคงตัวของฟิลเลอร์, คุณสมบัติด้าน Rheology, เทคนิคการเลือกตามชนิดหลุม, ภาวะแทรกซ้อน, โปรแกรมการรักษาแบบองค์รวม, พร้อมแหล่งอ้างอิงจากงานวิจัยระดับสากล

สิ่งที่หมอเขียนในบทความนี้ ไม่ใช่การมโน ไม่ใช่การโฆษณา แต่เป็นข้อมูลที่อ้างอิงจากวารสารทางการแพทย์และงานวิจัยจริง (เช่น Dermatologic Surgery, JCAD, PMC, Wiley Online Library) ที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า ฟิลเลอร์ไม่ได้แค่เติมวอลุ่มแล้วสลายไปเฉย ๆ แต่ยังทำหน้าที่ กันพังผืดติดซ้ำ และ กระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ให้ผิวฟื้นฟูต่อเนื่อง ผลลัพธ์จึงอยู่ยาวกว่าตัวฟิลเลอร์เอง

บทนำ: ความจริงใจที่อยากบอก ปูพื้นก่อนลงลึก

คำถามที่หมอได้รับบ่อยที่สุดคือ ฉีดฟิลเลอร์เติมหลุมสิวได้ไหม? คำตอบคือ ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนเหมาะ หรือ ทุกหลุมควรฉีด การรักษาที่ให้ผลลัพธ์สวยและยั่งยืน ต้องอาศัยการคัดเลือกเคส การประเมินชนิดหลุมและพังผืด (tethering) การเลือกชนิดฟิลเลอร์/ชั้นฉีด/เทคนิคที่ถูกต้อง และจัดลำดับเครื่องมือที่สอดคล้องกับชีววิทยาการซ่อมแซมผิว ไม่ใช่การจิ้ม ๆ ฉีด ๆ แบบหว่านทั่วใบหน้า

หลุมสิว (Atrophic Acne Scar) ผลลัพธ์ของการอักเสบที่ทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดพังผืดยึดรั้งผิวจนเกิดรอยบุ๋มลึก การรักษาหลุมสิวจึงท้าทายและต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ในบรรดาวิธีเหล่านั้น ฟิลเลอร์ (Dermal Filler) ถือเป็นหนึ่งในหัตถการที่เห็นผลเร็วที่สุด เพราะสามารถเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้ในทันที อีกทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่ใช่ว่าทุกหลุมสิวจะเหมาะกับฟิลเลอร์ และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ผลลัพธ์เหมือนกันทั้งหมด

ในบทความนี้หมอจะอธิบายตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงรายละเอียดเชิงลึก เพื่อให้เข้าใจข้อดี ข้อจำกัด และความจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์หลุมสิว

1) โปรแกรมรักษาหลุมสิวของ Real Clinic (RSS / Real Juvgen / เลเซอร์เกลี่ยขอบ)

Program Real Scar Synergy (RSS)

โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่ออกแบบขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งเน้นการรักษาโดยวิธีหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคของ Dr.Ramita ผสมผสานหลายวิธีการรักษาหลุมสิว เสริมด้วยการฉีดสารฟื้นฟู ร่วมกับฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยคอลลาเจนของตัวเราเอง เพิ่มเติมด้วยสารฟื้นบำรุงช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ลดการบวมช้ำ พักหน้าน้อยลง อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

Program Real Juvgen

การรักษาหลุมสิวที่ คุณหมอรมิตา ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจาก Dr. Jin Se-hun (ดร.จิน ) การรักษานี้มุ่งเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนการ ฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง โดยใช้การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) และกรดไฮยาลูโรนิกอนุภาคเล็ก (Hyaluronic Acid) เข้าสู่ชั้นหนังแท้บริเวณที่มีปัญหา เช่น หลุมสิว ริ้วรอยร่องลึก หรือแผลเป็นเนื้อผิวยุบตัว กระบวนการนี้จะช่วยสร้างเนื้อเยื่อผิวคอลลาเจนในปริมาณมากให้ขึ้นมามาทดแทนผิวหนังที่เคยยุบเป็นหลุม ให้สามารถฟูตัวขึ้นมา ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ เนื้อเยื่อใหม่ โดยไม่ทำลายโครงสร้างผิวหนัง หลังการรักษาประมาณ 3-5 วัน จะสังเกตเห็นการยกตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจนใหม่ที่ขึ้นมาช่วยลดเลือนแผลเป็นหลุมสิวความไม่เรียบเนียนของผิว อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

Program Laser Resurfacing

เลเซอร์เกลี่ยขอบหลุมสิว ใช้เพื่อปรับรายละเอียดที่หัตถการอย่างเดียวอาจทำได้ไม่ครบ ช่วยเกลี่ยขอบหลุมสิวให้เรียบ เติมเต็มผลลัพธ์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และปรับพื้นผิวหน้าให้สม่ำเสมอและเรียบเนียนมากขึ้น เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว เหมาะกับการทำร่วมกับโปรแกรมรักษาหลุมสิวอื่นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่เด่นชัดและยั่งยืน อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

2) หลุมสิวคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

หลุมสิว (atrophic acne scars) เกิดจากสิวอักเสบที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในหนังแท้ ขณะเดียวกันร่างกายซ่อมแซมไม่สมบูรณ์ จึงเกิด พังผืดดึงรั้ง (fibrotic anchoring/tethering) ยึดผิวลงไป ทำให้พื้นผิวทรุดเป็นหลุมถาวรบางส่วน ประเภทหลัก ได้แก่:

  • Icepick: ปากแคบ ลึก คล้ายรอยจิ้มเข็ม
  • Boxcar: ขอบชัด ขอบตั้งชัน ความลึกหลากหลาย
  • Rolling: ผิวเป็นคลื่นจากพังผืดใต้ผิวดึงรั้ง
  • Polymorphic: ผสมหลายชนิดในใบหน้าเดียว

แนวคิดสมัยใหม่จึงเป็นการรักษาแบบผสมผสาน โดยยึดหลัก Release Replace Remodel Refine: ปลดพังผืด (subcision), เติม/ค้ำฐานหลุม (filler), กระตุ้นการรีโมเดลของผิว (fractional/RF/ชีววิธี), และเก็บรายละเอียดขอบหลุม เพื่อให้พื้นผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

3) ประเมินหลุมสิวอย่างไรให้ตรงกัน (Goodman & Baron / ECCA / ภาพ 3D)

Goodman & Baron Scale

ใช้ทั้งแบบเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เพื่อประเมินความรุนแรงและชนิดหลุมสิว ผูกโยงกับแนวทางหัตถการที่เหมาะสมในแต่ละระดับ ช่วยให้หมอคนไข้เห็นภาพเดียวกันตั้งแต่ก่อนเริ่มรักษา

ECCA Score

ให้คะแนนเชิงตัวเลข แยกชนิดหลุม ความกว้าง ความลึก เพื่อติดตามเปอร์เซ็นต์การดีขึ้นเป็นตัวเลข (วัตถุวิสัย) ใช้คู่กับภาพถ่ายมาตรฐาน แสงเฉียง และในเคสวิจัยสามารถเสริมด้วยภาพ 3D/วิเคราะห์ปริมาตร

การมี baseline ที่แม่น ทำให้การอธิบายผลลัพธ์ไม่คลาดเคลื่อน และช่วยตัดสินใจการปรับแผนในรอบถัดไปได้ตรงจุด

4) ฟิลเลอร์คืออะไร และใช้รักษาหลุมสิวอย่างไร

Dermal filler คือสารเจลที่ฉีดลงไปในชั้นผิวเพื่อยกฐานหลุมให้กลับมาใกล้เคียงผิวรอบข้าง และในหลายกรณีทำหน้าที่กระตุ้นซ่อมแซมไปพร้อมกัน กลุ่มหลักที่ใช้กับหลุมสิว:

  • Hyaluronic Acid (HA) เห็นผลทันที ปลอดภัย โปรไฟล์ภาวะแทรกซ้อนระยะยาวต่ำ และ reversible ด้วย hyaluronidase จึงเหมาะเป็น first-line ในเวชปฏิบัติ
  • Biostimulators (เช่น CaHA, PLLA/Sculptra, PCL/Gouri) ให้ผลค้ำบางส่วนและกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว เหมาะบางชั้น/บางตำแหน่ง ต้องคัดกรองเคสและอธิบายการแก้ไขย้อนกลับที่ทำได้ยากกว่า HA
  • PMMA (Bellafill) ในสหรัฐฯ ได้ข้อบ่งชี้ FDA สำหรับ acne scars บางชนิด แต่เป็นวัสดุถาวร-กึ่งถาวร จึงต้องคัดเลือกและติดตามเข้มงวด (ตรวจสถานะ อย.ไทยทุกครั้งก่อนใช้จริง)

5) ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน (และทำไม อยู่ได้นาน ผลเท่าวันแรก)

HA โดยเฉลี่ยอยู่ราว 10-18 เดือน ขึ้นกับชนิดเจล/เรโอโลยี (G, tanδ, cohesivity), ชั้นฉีด, ตำแหน่ง, และการขยับใช้งานของบริเวณนั้น ๆ งานติดตามบางชุดด้วย MRI รายงานตรวจพบ HA ได้นานกว่านั้นในบางตำแหน่ง แต่การคงอยู่ในภาพ ไม่เท่ากับ แรงยกเท่าวันแรกเสมอไป (โครงสร้างผิวและชีวกลศาสตร์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)

กลุ่ม biostimulator (CaHA/PLLA/PCL) โดยเฉลี่ยคาดหวังผล 12-24 เดือน โดยความยาวนานมักเกิดจากการเกิดคอลลาเจน/ECM ใหม่ มากกว่าตัวสารตั้งต้นเอง

6) ฟิลเลอร์สลายแต่ผลลัพธ์ยังอยู่: กลไก, ไทม์ไลน์, เหตุผลทางชีววิทยา

สรุปให้คนไข้เข้าใจง่าย

ฟิลเลอร์ (โดยเฉพาะ HA) ทำหน้าที่ค้ำฐานหลุมในช่วงแรก และในระหว่างที่ฟิลเลอร์อยู่ใต้ผิว ไฟโบรบลาสต์ถูกยืด/ถูกกระตุ้น ให้สร้าง คอลลาเจนชนิด I/III จัดระเบียบ ECM ใหม่ ผลคือเกิดเนื้อเยื่อใหม่ของเราเองมาช่วยพยุงฐานหลุม พอฟิลเลอร์ค่อย ๆ สลาย เนื้อเยื่อใหม่ยังอยู่ จึงมักไม่ยุบกลับเท่าเดิม

Mechanotransduction Neo-collagenesis

  • Immediate lift: วันแรก ๆ ตื้นขึ้นจากแรงค้ำของเจล
  • สัปดาห์ 2-8: แรงกลจากเจลทำให้ไฟโบรบลาสต์แผ่ตัวตื่น สร้างคอลลาเจน I/III และ GAGs
  • เดือน 3-6: ผิวหนาแน่นขึ้น จากเนื้อเยื่อใหม่ + เจลส่วนที่ยังคงอยู่
  • หลังจากนั้น: แม้เจลลดลง แต่โครงสร้างใหม่ยังพยุงฐานหลุม ผลลัพธ์จึงยืนระยะ

ข้อความสั้นกันความเข้าใจผิด

ฟิลเลอร์สลายผลลัพธ์ไม่หาย เพราะระหว่างที่ฟิลเลอร์ยังอยู่ ทำหน้าที่กั้นและกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจน/ECMขึ้นใหม่ พอฟิลเลอร์หมด แต่โครงสร้างที่สร้างขึ้นมาใหม่นั่นช่วยค้ำฐานหลุม จึงไม่ยุบกลับเท่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อทำเป็นโปรแกรมและมีการ touch up ตามจุดทรุดตามธรรมชาติของการหายของแผล

7) ตัดพังผืด + ฟิลเลอร์ = Spacer/Buffer + Biostimulation

Subcision คือการปลดเชือก หรือปลดพังผืดที่ดึงฐานหลุมให้ทรุดลง เมื่อปลดแล้วจะเกิดช่องว่างใต้ผิว หากปล่อยไว้มีโอกาส ยึดกลับ ในช่วงสมานแผล (2-8 สัปดาห์แรก) การเติม HA ทันทีใน plane ที่ปลดมา ทำหน้าที่:

  • Spacer/Buffer: คั่นไม่ให้พังผืดกลับมายึดซ้ำ
  • Support: ค้ำระดับฐานหลุมให้คงอยู่ในระดับใหม่
  • Biostimulation: กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ให้สร้างคอลลาเจน/ECM ระหว่างที่กำลังหาย
ข้อดีเชิงคลินิกที่พิสูจน์ได้
  • ลดอัตราการยึดซ้ำในช่วงวิกฤตสมานแผล
  • เห็นผลทันที + ดีขึ้นต่อเนื่องจากการสร้างคอลลาเจน
  • เหมาะกับ rolling scars และ boxcar บางแบบ

8) บทบาทของฟิลเลอร์มากกว่า ตัวเติม: Lift,Buffer,Biostimulate,Hydrate

  • Immediate Lift: ยกฐานหลุม ลดเงาและการหักเหแสงที่ทำให้เห็นหลุมชัด
  • Buffer (หลัง Subcision): ทำหน้าที่คั่น ลดการยึดซ้ำของพังผืด
  • Biostimulation: กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ คอลลาเจน/ECM ใหม่
  • Hydration & Elasticity (ใน HA): เพิ่มความชุ่มชื้น/ความยืดหยุ่น คุณภาพผิวโดยรวมดูแน่นและสุขภาพดี
  • Structural Support: รองรับในรายที่มี volume loss ใต้ผิวร่วม

9) Rheology: เลือกเจลให้เข้ากับหลุม ไม่ใช่ให้หลุมเข้ากับเจล

ค่ารีโอโลยีเช่น G* (แรงยก/ความคงรูป), viscosity (η*), tan δ (สมดุลยืดหยุ่นหนืด), และ cohesivity (ความเหนียว/การยึดเกาะ) กำหนดพฤติกรรมของเจลในชั้นผิวจริง:

  • รอยลึก/ต้องการแรงค้ำ เจล G สูง + cohesive ดี วางเดอร์มิสลึก/ซับคิว
  • รอยตื้น/ผิวบาง เจลไหลเนียนกว่า, tan δ สูงกว่า ปูบาง ๆ intradermal ลดความเสี่ยง Tyndall
  • เจลเดียวรักษาทุกแบบ มักเพิ่มความเสี่ยง จับคู่ rheology × ชนิดหลุม × ชั้นฉีด × ตำแหน่ง คือหัวใจ

10) เทคนิคฉีดตามชนิดหลุม (Rolling/Boxcar/Icepick + แผนหลัง Subcision)

  • Rolling (distensible): fanning/cross-hatching ใต้ฐานหลุม, micro-bolus 0.010.03 mL/จุด, คุมแรงกดให้ผิวตึงแต่ไม่โป่ง
  • Boxcar: เติมฐาน + feathering ขอบเพื่อให้ transition เนียน
  • Icepick: ไม่ใช่พระเอกของฟิลเลอร์เดี่ยว ๆ ใช้ TCA CROSS/punch แก้ปากหลุมก่อน แล้วค่อยปรับพื้นด้วย HA บาง/อ่อน
  • หลัง Subcision: เติมใน plane ที่ปลดมาเพื่อทำหน้าที่ spacer กันยึดซ้ำ
  • Needle vs Cannula: เลือกตาม plane/แผนที่หลอดเลือด; cannula ลดโอกาสทิ่มทะลุหลอดเลือดบางบริเวณ แต่ไม่ใช่เกราะกำบัง 100% ต้องอาศัยทิศทาง/แรง/ปริมาตร/การเฝ้าระวัง

11) ฟิลเลอร์ vs เลเซอร์/RF: จังหวะเวลาและการผสมผสาน

เลเซอร์แบบ fractional (CO/Er:YAG) และ microneedling RF ช่วยกระตุ้น remodeling ของผิว เก็บขอบหลุม และปรับเท็กซ์เจอร์ โดยเฉพาะใน rolling/boxcar การจัดลำดับที่พบบ่อยคือ พลังงานก่อน แล้วจึงเติม HA หรือหากต้องเติมก่อน ให้เว้นระยะก่อนทำพลังงานที่มีความร้อนลึก เพื่อไม่เร่งการเสื่อมของ HA

12) กลยุทธ์หลายด่าน: Release Replace Remodel Refine

  • เดือน 0: Subcision + เติม HA เฉพาะจุด (ทำหน้าที่ค้ำและคั่น)
  • เดือน 0-2: พิจารณา Biostimulator (คัดเลือกเคส) เพื่อเสริมคอลลาเจนระยะยาว
  • เดือน 3-4: Fractional / Microneedling RF เพื่อรีโมเดลผิว
  • เดือน 4-8: Re-touch HA จุดที่ทรุดตามธรรมชาติของการสมานแผล และเก็บขอบหลุม

แนวคิดนี้สอดรับชีววิทยาการซ่อมแซม จึงให้ผลสม่ำเสมอและคงกว่าการทำวิธีเดียวจบ

13) ข้อจำกัด ความจริง และความคาดหวัง

  • ไม่มีหัตถการใดถาวร: อายุ/UV/พฤติกรรม ทำให้ผิวเสื่อมตามเวลาอยู่แล้ว จำเป็นต้องดูแลต่อเนื่อง
  • ทำครั้งเดียวไม่พอ: ในหลุมสิวระดับกลางหนัก ต้องวางเป็น โปรแกรม และติดตาม/ปรับจูน
  • เครื่องมือพลังงานไม่เพิ่มปริมาตร: หากมี volume loss ใต้ผิวร่วม ต้องใช้ฟิลเลอร์หรือไขมัน
  • หลุมสิวไม่มีทางทำให้หายเหมือนไม่เคยเป็นมาก่อนได้ 100% แต่หมอสามารถช่วยให้หลุมตื้นขึ้น เรียบขึ้น และดูดีขึ้นได้

14) ปริมาณฟิลเลอร์เท่าไรจึงพอ (ริเริ่มติดตามรีทัช)

ขึ้นกับชนิดหลุม ความกว้าง/ลึก บริเวณ ความหนาบางของผิว และเป้าหมายความเนียนโดยรวม หลักปฏิบัติที่ปลอดภัยคือ ค่อย ๆ เติม แล้วทบทวนผลที่ 4-8 สัปดาห์ เพื่อเลี่ยง overfill และสอดคล้องกับไทม์ไลน์การสมานแผล

  • หวังผลกระตุ้นคอลลาเจน: เริ่ม HA/skin booster 1-3 cc หรือ biostimulator 1-2 dose, ประเมินต่อเนื่อง
  • เติมชั้นเนื้อเยื่อที่ยุบตัวลง: ปริมาณขึ้นกับความกว้าง/ความลึก/จำนวนหลุม ทำหลาย session ตามเหมาะสม

15) ไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ และไม่ใช่ทุกหลุมควรฉีด: เกณฑ์คัดเลือก

  • เหมาะฉีด: rolling ที่ distensible, boxcar ตื้นกลาง, หลุมที่ปลดพังผืดแล้วฐานเปิดรับ, ผิวรอบแข็งแรงพอ
  • ไม่ควรฉีดเดี่ยว ๆ: icepick ลึก/ปากแคบ ทำ TCA CROSS/punch ก่อน
  • คนไข้ต้องพร้อม โปรแกรม: ไม่ใช่หวังวิธีเดียวจบ ต้องพร้อมติดตาม/รีทัช และดูแลสุขภาพผิวร่วม
  • แพทย์ต้องชำนาญ: anatomy + rheology + เทคนิคละเอียดระดับมิลลิเมตร และรู้ เมื่อไรควรถอย/ละลาย/เปลี่ยนวิธี
  • แพทย์ต้องใจเย็น ละเอียด ประณีต เพราะต้องฉีดทีละหลุมๆ ทั่วทั้งหน้า
  • ประเมินทีละหลุม ว่าหลุมไหนเหมาะ/ไม่ควรฉีด
  • เทคนิคระดับมิลลิเมตร micro-dosing หลายจุด คุมชั้น/แรงมือ/ทิศทาง
  • ทำแบบ ทีละหลุม ทีละ micro-bolus (0.010.03 mL/จุด) ใช้แผนที่หลุม ประสบการณ์สูง และการประเมินในท่านั่งเพื่อเห็นมิติจริง
  • ข้อผิดพลาดที่ต้องหลีกเลี่ยง:
    • ลึกเกินไป: ไม่ดันฐานหลุม
    • ตื้นเกินไป: เสี่ยงเป็นก้อน/ผิวลอน/Tyndall
    • มากเกินไป: เป็นก้อน/เกิดเงา
    • น้อยเกินไป: ไม่เห็นผล
  • ความใจเย็นและเวลาทำ: เคสทั้งหน้าอาจต้อง “จุดฉีดหลายสิบถึงหลักร้อยจุด” ใช้เวลาไล่ระดับ–คุมแรง–ประเมินซ้ำตลอดขั้นตอน หมอที่ ไม่ใจเย็น/ไม่ชำนาญ มักเกิด over/under-correction ได้ง่าย และแก้ภายหลังยากกว่า

16) Mini-FAQ

ฟิลเลอร์อยู่ 10-18 เดือน พอหมดแล้วผลจะหายไหม?

ส่วนใหญ่ไม่ เพราะระหว่างที่ฟิลเลอร์อยู่ ผิวสร้างคอลลาเจน/ECM ใหม่ ทำให้ฐานหลุมแข็งแรงขึ้น แม้เจลจะบางลงก็ไม่ยุบเท่าเดิม โดยเฉพาะถ้าทำคู่กับ Subcision+Filler ที่กันยึดซ้ำและกระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกัน

ต้องตัดพังผืดก่อนทุกเคสไหม?

ไม่ทุกเคส แต่ rolling/anchored มักได้ผลดีกว่าเมื่อทำ subcision แล้วเติม HA ใน plane ที่ปลด เพื่อทำหน้าที่ spacer กันยึดซ้ำ

หลังฉีดทำเลเซอร์/RF ได้ไหม?

ได้ แต่ควรวางลำดับ/เว้นระยะให้เหมาะ เพราะความร้อนลึกบางชนิดอาจเร่งการเสื่อมของ HA หากทำใกล้กันเกินไป หลักทั่วไป: ทำ EBD ก่อน หรือเว้นช่วงหลังเติมตามชนิดเครื่องและชั้นฉีด

ฟิลเลอร์หลุมสิวคืออะไร?
ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปใต้ผิว เพื่อยกฐานหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ดูเรียบเนียนขึ้นทันที

พอฟิลเลอร์สลายแล้ว หลุมสิวจะกลับมาเหมือนเดิมไหม?
ไม่จำเป็นต้องกลับมาเหมือนเดิม เพราะระหว่างที่ฟิลเลอร์อยู่ มันช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้โครงสร้างผิวดีขึ้นกว่าเดิม

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิวเจ็บไหม?
เจ็บเล็กน้อย แต่แพทย์จะทายาชาหรือฉีดยาชาช่วย ลดความรู้สึกเจ็บได้มาก

ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ cc ?
ขึ้นกับจำนวนและความลึกของหลุมสิว โดยทั่วไปมักเริ่มที่ 1-4 cc และอาจต้องทำร่วมกับหัตถการอื่นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลังฉีดฟิลเลอร์ต้องพักฟื้นนานไหม?
แทบไม่ต้องพักฟื้น อาจมีรอยเข็มหรือรอยช้ำเล็กน้อย หายเองภายใน 1-2 วัน

ฟิลเลอร์กับเลเซอร์ อันไหนดีกว่ากัน?
ไม่สามารถเปรียบตรง ๆ ได้ เพราะทำงานต่างกัน ฟิลเลอร์ = เติมเต็มทันที, เลเซอร์ = กระตุ้นสร้างผิวใหม่ระยะยาว มักใช้ร่วมกันเพื่อผลที่ชัดเจนและยั่งยืน

ฟิลเลอร์ช่วยเรื่องคอลลาเจนได้จริงไหม?<!doctype html>ฟิลเลอร์หลุมสิวอยู่ไม่นาน แล้วหลุมสิวจะกลับมาไหม? | Real Clinic by Dr.Ramita
จริงค่ะ งานวิจัย (Yutskovskaya & Kogan, 2014) พบว่า Hyaluronic Acid filler กระตุ้น fibroblast ให้สร้าง collagen type I และ III เพิ่มขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์

แหล่งอ้างอิงวิชาการ

  1. Yutskovskaya Y, Kogan E. Dermatology Research and Practice. 2014. (หลักฐาน in vivo ว่า HA กระตุ้น Collagen I/III & ECM; ผลชัดใน 6-8 สัปดาห์)
  2. Wollina U. Dermatology and Therapy (Heidelb). 2018. (ความหนาหนังแท้/คุณภาพผิวดีขึ้นระยะยาวแม้สารบางส่วนสลาย)
  3. Sadick NS, Manhas-Bhutani S. Dermatologic Surgery. 2018.
  4. Beer K, Beer J. J Clin Aesthet Dermatol. 2009. Kablik J.; Sundaram H.; Fundarò S.
  5. ACE Group/CMAC/JCAD consensus.
  6. Bellafill (PMMA) เอกสาร FDA/รีวิว JCAD: ข้อบ่งชี้ acne scars (US), ควรตรวจสถานะ อย.ไทยก่อนใช้
  7. รีวิว/แนวทาง EBD (fractional/RF) ร่วมกับฟิลเลอร์: ลำดับการทำ/การเว้นระยะเพื่อลดผลต่อ HA

subcision diagram filler injection abstract

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้